นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น(ASCON)เปิดเผยว่า บริษัทกำลังซุ่มลุ้นโปรเจ็คต์ใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 3 ร่วมกับกลุ่ม joint venture ที่ยังจับมือกันแน่น พร้อมไปกับการเดินหน้าเจรจาพันธมิตรต่างประเทศใน UAE หลังจากชะงักมาระยะหนึ่งในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจใหม่ ๆ และคาดว่างานที่อาบูดาบีน่าจะเริ่มลงมือได้ในปลายปีนี้จากที่ชะลอมากว่า 6 เดือน
"กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับ Local Sponsor อยู่ ก็ยังเป็นรายเดิมที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจจะเข้ามาถือหุ้นใน ASCON ประมาณ 20% ยังไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกัน เพียงแต่พอเกิด Crisis วิกฤตเศรษฐกิจโลกเราก็ Delay การเจรจาไปช่วงหนึ่ง สถานการณ์เพิ่งจะมาเริ่มนิ่งก็มาเวิร์คต่อ ยิ่งถ้าเราได้งานรถไฟฟ้าด้วย น่าจะยิ่งสร้างความมั่นใจให้อีกฝ่ายตัดสินใจเข้ามาถือหุ้นเราเร็วมากขึ้น"นายพัฒนพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
*ลุ้นผลรถไฟฟ้าสีม่วงสัญญา 2-งาน ตปท.เดินหน้า -ศก.ฟื้น ดัน backlog เพิ่ม
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมองว่าหลังจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีการเปิดซองรถไฟฟ้าสายสีม่วงครบทั้ง 3 สัญญา งานระบบเริ่มกลับมาหมุนเวียน ก็น่าจะมีงานใหม่ๆ เปิดให้เข้าประมูลอีกมาก ซึ่งบริษัทก็จะเข้าร่วมประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 52 ยอดงานในมือ(Backlog)น่าจะเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 51 อีก 1-2 พันล้านบาท รวมเป็น 5-6 พันล้านบาท
"ปีนี้ถ้าได้งานใหม่เข้ามาอีกพันสองพันล้านก็พอแล้ว ตอนนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่งานเยอะงานน้อย แต่อยู่ที่คุณภาพงาน เพราะทุกคนรู้แล้วว่าถ้ามีผลกระทบมา Sector ไหนที่มีความเสี่ยง ก็ต้องปรับตัว"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับ Backlog ในปัจจุบัน 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานเอกชน ประเภทที่อยู่อาศัยอาคารสูง ประมาณ 3 พันล้านบาท ที่เหลืออีก 1 พันล้านบาทเป็นงานก่อสร้างอาคารหน่วยงานราชการ คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 2 พันล้านบาท และที่เหลือทยอยรับรู้ฯ ในปี 53
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า งานใหญ่ในประเทศที่บริษัทกำลังรอลุ้นอยู่ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 3 ที่บริษัทจับมือกับพันธมิตรในนาม กลุ่ม PAR Joint Venture เข้ายื่นซองประกวดราคา โดยมี บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง(PLE)เข้าร่วมด้วย คาดว่าจะเปิดซองในราวปลายเดือน มิ.ย.นี้
"ช่วงนี้นะ ถ้าจะมีที่พอเป็นประเด็นได้คือเรื่องรถไฟฟ้านี่แหละ เพราะใกล้จะเปิดซองเต็มที่แล้ว โอกาสเราได้อยู่แล้ว โอกาสสูงอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเค้าจะเจรจากันยังไง แต่ถ้าเปิดมาเราก็เข้าวินอยู่แล้ว"นายพัฒนพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนงานต่างประเทศ คาดว่าปลายปีนี้บริษัทน่าจะเริ่มลงมืองานก่อสร้างในเมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)ได้ หลังจากชะลอมาเป็นเวลานานกว่า 6 เดือนเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
อนึ่ง เมื่อ 4 ก.พ.52 บริษัทลงนามใน MOU กับพันธมิตรใน UAE ร่วมประมูลโครงการบาทีน พาร์ค ในเมืองอาบูดาบี มูลค่า 1,000 ล้านเดอร์แฮม หรือคิดเป็น 9,500 ล้านบาท และยังมีแผนยื่นประมูลงานโครงการที่พักอาศัยและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทร่วมทุนกับบริษัท อัล บรูก โฮลดิ้ง จัดตั้งสำนักงานขึ้นมาใช้เป็นช่องทางระดมทุนสำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า หากบริษัทได้งานรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมทั้งได้เข้าทำงานที่อาบูดาบีในปลายปีนี้ก็จะช่วยเพิ่มยอด Backlog ให้กับบริษัท จากที่ไม่ได้มีเพิ่มขึ้นจากปลายปีก่อน เนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรงทำให้งานในตลาดมีน้อย แถมยังมีปัญหาเรื่องราคาวัสดุก่อสร้าง
"ตั้งแต่เกิด Crisis เมื่อปลายปีที่แล้ว เราไม่ได้รับงานใหม่เลย"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
*ปรับลดขนาดองค์กร ด้วยการขายบ.ย่อย-ลดจำนวนพนักงาน
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขณะที่บริษัทกำลังมองช่องทางในการรับงานเพิ่มขึ้นเพื่อขยายธุรกิจ อีกด้านหนึ่งก็ดำเนินนโยบายปรับลดขนาดองค์กรเพื่อให้เกิดความคล่องตัว โดยก่อนหน้านี้ได้มีการขายบริษัท แอสคอน คอมเพรสเซอร์ และ บริษัท แอสคอน โปรซีล ให้กับผู้ซื้อซึ่งไม่ใช่บุคคลเกี่ยวโยงกัน มูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงจำนวนคนงานของทั้งสองแห่ง ถือเป็นความสอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทย่อยทั้งสองแห่งมีผลขาดทุนมาตลอด
"ขาย 2 บริษัทไม่ได้กำไรหรอก เท่าทุนๆ สภาวะแบบนี้ลงทุนไม่ดีแล้ว จะเก็บไว้ก็แนวโน้มชะลอตัวลงไปก็เลยขายไปดีกว่า ตอนนี้เราพยายาม Downsiting องค์กรให้มีขนาดกะทัดรัดขึ้น เพราะฉะนั้นขาย 2 บริษัทย่อยนี้ไป คนงานก็ให้คนซื้อไปด้วย ทำให้จากประมาณ 500 คนตอนนี้หายไปครึ่งนึง"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
ส่วนผลดำเนินงานในปี 52 คงจะต้องมีการประเมินในช่วงไตรมาส 3/52 ว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้หรือไม่ โดยบริษัทขอดูผลประกอบการที่จะออกมาในไตรมาส 2/52 ก่อน หลังจากที่ไตรมาส 1/52 ขาดทุนถึง 257.13 ล้านบาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 4 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มไตรมาสของปีนี้ที่เหลือน่าจะดีขึ้น
ขณะที่ผลขาดทุนในไตรมาส 1/51 สาเหตุมาจากที่ผ่านมาราคาวัสดุก่อสร้างมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นทำให้ปี 51 บริษัทชะลอรับงานโครงการเพิ่มเติมเพิ่งจะมาเริ่มรับงานบ้างเล็กน้อยหลังราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มปรับตัวลดลงแต่ทั้งหมดอยู่ในช่วงเริ่มดำเนินการก่อสร้างส่งผลให้การรับรู้รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างลดลง
นอกจากนี้ บริษัทมีการตั้งสำรองลูกหนี้รายหนึ่งเป็นจำนวนเงินรวม 157.55 ล้านบาท เนื่องจากเป็นลูกหนี้ที่ค้างเกินกำหนดชำระเป็นระยะเวลานาน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการยื่นฟ้องลูกหนี้รายดังกล่าวแล้ว