โบรกฯแนะ"ซื้อ"TTW คาดกำไรปี 52-53โต แม้สิทธิขายน้ำในบางปะอินมีผลไม่มาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 9, 2009 16:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.น้ำประปาไทย(TTW)มองรายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตในปีนี้และปีหน้า หลังจากที่ TTW เตรียมเข้าซื้อสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาและการให้บริการบำบัดน้ำเสียแก่ลูกค้าภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินระยะเวลา 30 ปีจากบริษัทที่ดินบางปะอิน จำกัด(BLDC) ขณะที่ธุรกิจเดิมก็ยังเติบโตได้ดี แต่ก็ยังมีความกังวลข้อร้องเรียนของสหภาพแรงงานของการประปาส่วนภูมิภาค

แต่โบรกเกอร์บางรายแนะ"ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"เพราะเห็นราคาปรับขึ้นแรงแล้ว โดยเย็นวันนี้ ราคาหุ้น TTW เคลื่อนไหวที่ 4.46 บาท บวก 0.08 บาท โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 4.58 บาท

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ทิสโก้           ซื้อ             6.35
          บล.ดีบีเอสฯ         ซื้อ             5.72
          บล.ธนชาต          ซื้อ             5.60
          บล.เอเซียพลัส       ซื้อ             5.50
          บล.ยูไนเต็ด      ซื้อเมื่ออ่อนตัว        5.50

นักวิเคราะห์ จากบล.ยูไนเต็ด มองว่า ธุรกิจใหม่ที่ TTW จะดำเนินการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ไม่ได้สร้างกำไรและมูลค่าหุ้นมาก แต่ราคาหุ้นกลับขึ้นไปมากนับตั้งแต่วันที่ประกาศข่าวซื้อสิทธิดังกล่าว(1 ม.ย.)จนถึงวันศุกร์(5 มิ.ย.)หรือช่วง 1 สัปดาห์ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาประมาณ 11% จากราคา 4.08 บาท แต่เมื่อผู้บริหารได้ชี้แจงกับนักวิเคราะห์แล้วได้มีการประเมินตัวเลขคร่าวๆ พบว่ามูลค่าหุ้นและกำไรจากธุรกิจไหม่มีไม่มาก

"มองว่าหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปรับข่าวเรื่องนี้ ขึ้นไปค่อนข้างเยอะแล้ว และจากการประเมินธุรกิจใหม่ไม่ได้ดีเท่ากับราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไป ก็อาจทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาได้ เพราะหุ้นวิ่งไปเกินคาด" นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ฟังการชี้แจงของผู้บริหาร TTW เมื่อวานนี้ ในการประเมินเบื้องต้น คาดว่า TTW จะมีกำไรจาก BLDC ประมาณ 1 ล้านบาทในปี 52 และปี 53 เพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านบาท คิดเป็นเพียง 0.6%-0.9% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 52-53 ที่ 1,818 — 2,069 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.46-0.52 บาท อีกทั้งคาดว่ามูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 0.20 บาท/หุ้น ซึ่งไม่ค่อยมีนัยต่อการเพิ่มมูลค่าหุ้น จึงเห็นว่าหุ้นขึ้นมาแรงเกินไป คาดว่าราคาอ่อนตัวลงและน่าจะรอซื้อหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ 5.50 บาท ยังไม่ได้รวมธุรกิจใหม่เข้าไป และเห็นว่าธุรกิจปัจจุบันก็ยังไปได้ดีอยู่

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)คาดว่า TTW จะมีกำไรสุทธิปี 53 เพิ่มขึ้น 2% จากการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ และราคาตามพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.11 บาท ในความเห็นของฝ่ายวิจัยฯ การเข้าซื้อกิจการบำบัดน้ำฯครั้งนี้มีมูลค่าเพิ่มกับ TTW ไม่มาก โดยประมาณการ IRR ไว้ที่ 10.8% และระยะเวลาคืนทุน 12-13 ปี

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นการขยายฐานธุรกิจและเพิ่มกำไรสุทธิ แม้ว่ามูลค่าที่เพิ่มขึ้นจะไม่มากก็ตาม แต่ยังคงประมาณการกำไรสุทธิและราคาตามพื้นฐานของ TTW ไว้เท่าเดิมก่อน เนื่องจากดีลนี้ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นก่อนจึงจะดำเนินการได้ โดยผู้บริหารคาดว่าการเข้าซื้อจะแล้วเสร็จเดือนก.ย.52

ส่วนบล.ธนชาต คาดว่าจากการเข้าซื้อสิทธิดังกล่าว คาดว่า IRR ของโครงการอยู่ที่ 11% และมี payback period 15 ปี และไม่มีการกำหนดปริมาณขายน้ำขั้นต่ำ แต่ไม่มีการให้บริการน้ำประปาจากรายอื่นๆ ในบริเวณดังกล่าว TTW คาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายจะอยู่ที่ราว 5% ต่อปี

บริษัทฯ คาดว่าค่าน้ำจะเพิ่มขึ้นราว 7% ทุก 5 ปี แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องได้รับการอนุญาตจาก BLDC และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนส.ค.52

"ในมุมมองของเรา การลงทุนนี้จึงดูเหมือนว่าจะแพง แต่อย่างไรก็ตาม TTW อ้างว่า บริษัทฯ ใช้สมมติฐานที่ conservative แล้ว และโครงการนี้เป็นโครงการแรกในการขยายธุรกิจในบริการน้ำประปานอกพื้นที่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และยังขยายไปยังธุรกิจการให้บริการบำบัดน้ำเสียอีกด้วย"

ส่วนธุรกิจน้ำมี operating leverage ในระดับสูง ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้นทาง บล.ธนชาตกำลังทบทวนประมาณการเพื่อรวมโครงการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการนี้ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ จึงไม่คาดว่าประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงมากนัก ประกอบกับมีความกังวลในกรณีข้อร้องเรียนของสหภาพแรงงานของการประปาส่วนภูมิภาค

ขณะที่ บล.ทิสโก้ คาดว่าโครงการนี้จะเพิ่มผลประกอบการให้แก่ TTW โดยจะเพิ่มขึ้น 10-50 ล้านบาทใน 5 ปีแรกและ 60-100 ล้านบาทใน 5 ปีต่อไป โดยคาดว่าโครงการนี้มี IRR ประมาณ 7% ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของผู้บริหาร 11% เนื่องจากเรามีสมมติฐานที่ค่อนข้างเข้มงวดด้วยการไม่มีการเพิ่มค่าน้ำ ขณะที่ผู้บริหารคาดว่าค่าน้ำเพิ่มขึ้น 7% ในทุก ๆ 5 ปี

TTW ดำเนินธุรกิจผลิตน้ำประปาภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จำหน่ายให้กับ การประปาส่วนภูมิภาค เพื่อทดแทนการใช้น้ำบาดาลของภาคเอกชน โดยมีกำลังผลิตรวม 7.08 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน แบ่งเป็นส่วนของ TTW (3.2 แสนลบ.ม./วัน) พื้นที่ให้บริการในจังหวัดสมุทรสาครและนครปฐม ส่วนบริษัทย่อย น้ำประปาปทุมธานี-PTW (3.88 แสนลบ.ม./วัน) พื้นที่ให้บริการในพื้นที่เขตปทุมธานี-รังสิต จ.ปทุมธานี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ