นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ธนาคารมีความสนใจและพร้อมเข้าประมูลซื้อหุ้นธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)ที่ทางกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) ถือไว้ทั้งจำนวน เนื่องจากหากมีการควบรวมกันจะทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ขนาดของธนาคารจะขยับขึ้นมาเป็นแบงก์ที่มีอันดับที่ 5 จากเดิมที่อยู่อันดับ 8 รวมทั้งในส่วนของมาร์เก็ตแชร์ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 5% และมีความสามารถที่จะแข่งขันกับธนาคารขนาดใหญ่ได้
ในส่วนของธนาคารนครหลวงไทย มีความแข็งแกร่งทางด้าน Corporate และมีสาขากว่า 400 แห่ง ขณะที่ธนาคารธนชาตมีความแข็งแกร่งทางด้าน Retail และมีสาขากว่า 200 แห่ง หากมีการควบรวมกันจะไม่มีการยุบสาขา เพราะสาขาส่วนใหญ่ของธนาคารธนชาตจะเป็นสาขาในศูนย์การค้า เชื่อว่าจะช่วยในการกระจายลูกค้าได้มากขึ้น
"ต้องยอมรับว่าปัจจุบันขนาดของธนาคารถือว่ามีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ นอกเหนือจากธุรกรรมและสินค้าที่แต่ละธนาคารมี...และน่าจะให้โอกาสนี้เป็นโอกาสของแบงก์คนไทย เพราะที่ผ่านมาเป็นแต่ต่างชาติที่จะเข้ามา แทบจะไม่เหลือคนไทยด้วยกันเองแล้ว และคนไทยกับคนไทยน่าจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า"นายศุภเดช กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"