ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐได้นำพันธบัตรประเภท 10 มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ออกประมูลขายและมีผู้ซื้อจำนวนมาก ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและอาจทำให้สหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 24.04 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 8,739.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 3.28 จุด หรือ 0.35% แตะที่ 939.15 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 7.05 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 1,853.08 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.22 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1,635 ต่อ 1,376 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด 2.35 พันล้านหุ้น
เจฟฟรีย์ แฟรงเคล ประธานบริษัท Stuart Frankel & Co กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งระบุว่าเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคฟื้นตัวขึ้นปานกลาง โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐได้นำพันธบัตรประเภท 10 มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ออกประมูลขายและมีผู้ซื้อจำนวนมาก ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ
"ภาวะเงินเฟ้อที่ส่อเค้าว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่อยู่ในระดับสูงนั้น อาจกดดันเฟดให้ขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลง" แฟรงเคลกล่าว
นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูยอดค้าปลีกประจำเดือนพ.ค.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจำเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากยอดขายรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้นั้น วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และวันศุกร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนมิ.ย.