ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าพยุงหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบและโลหะในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษที่พุ่งขึ้นเกินคาด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 31.96 จุด ปิดที่ 4,436.75 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,404.79-4,505.89 จุด
ซารา อาร์เคิล นักวิเคราะห์จาก Threadneedle Asset Management กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน ซึ่งผิดความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 0.1% ฟิลิป ชอว์ นักวิเคราะห์จากอินเวสเทค กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จีดีพีเดือนมี.ค.-มิ.ย.ของอังกฤษจะขยายตัวขึ้น เพราะโดยทั่วไปแล้ว ผลผลิตอุตสาหกรรมเป็นตัวบ่งบอกถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจสกัดกั้นการฟื้นตัวซึ่งก็คือดีมานด์สินค้า ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตของอังกฤษได้รับปัจจัยบวกจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่า ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ผลิตอังกฤษ
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดทางให้ธนาคารรายใหญ่ 10 แห่งชำระเงินคืนให้แก่โครงการ TARP เป็นวงเงินรวม 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลุ่มนี้ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้บริหาร, การจ่ายเงินปันผล และการซื้อหุ้น โดยหุ้นธนาคาร HSBC หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ และหุ้นลอยด์ส แบงกิง ปิดบวก แต่หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สและสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดลบ
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นเหนือระดับ 71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นบีพี หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จี ปิดบวก ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปิดบวกเช่นกัน รวมถึงหุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส หลังจากทางบริษัทแถลงว่า ราคาเฟอร์โรโครมซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลกำไรสูงสุดของบริษัทอาจพุ่งขึ้น
ขณะที่หุ้นแอนโทฟากัสตาพุ่งขึ้น 4.6% หลังจากมีข่าวว่าทางบริษัทวางแผนขยายกิจการซึ่งจะคาดว่าจะช่วยหนุนปริมาณผลผลิตพุ่งขึ้น 60%