ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) หลังจากที่เคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 28.34 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 8,799.26 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 1.32 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 946.21 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 3.57 จุด หรือ 0.19% แตะที่ 1,858.80 จุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการแพทย์หรือที่เกี่ยวกับสุขภาพดึงดูดแรงซื้อจากนักลงทุนได้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ลุกลามไปทั่วโลกนั้นจะส่งผลดีต่อยอดขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านี้
แต่ราคาน้ำมันดิบและทองคำ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ อาทิ อลูมิเนียม และ ทองแดง ที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่นๆนั้น ได้ถ่วงหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ให้ร่วงตาม ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดลบจากความวิตกเกี่ยวกับดีมานด์เซมิคอนดักเตอร์
หุ้นเชฟรอน คอร์ป และ อัลโค อิงค์ เป็นแกนนำหุ้นกลุ่มโลหะและพลังงานถอยร่นลง ขณะเดียวกัน เนชั่นแนล เซมิคอนดักเตอร์ คอร์ป ได้เป็นชนวนเหตุให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลง หลังจากที่ออกมากล่าวว่า ตลาดชิปคอมพิวเตอร์ยังคงซบเซาอยู่
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจนั้น รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้น เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 69 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งถึงแม้น้อยกว่าคาดการณ์ แต่ก็ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน