ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดร่วง187.13 จุด จากข้อมูลศก.อ่อนแอ-เงินดอลล์แข็งกระทบราคาโภคภัณฑ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 16, 2009 05:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดิ่งลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลการผลิตที่น่าผิดหวังซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของนิวยอร์กหดตัวในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ประกอบกับแรงขายหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ หลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆ จนฉุดให้ราคาน้ำมันดิบและโลหะลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับตัวลง 187.13 จุด หรือ 2.13% แตะที่ 8,612.13 จุด หลังจากที่ปิดเพิ่มขึ้นแตะ 8,799.26 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 22.49 จุด หรือ 2.38% แตะที่ 923.72 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 42.42 จุด หรือ 2.28% แตะที่ 1,816.38 จุด

โดยวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สาขานิวยอร์กได้เปิดเผยผลสำรวจดัชนีการผลิตเอ็มไพร์สเตทประจำเดือนมิ.ย.ร่วงลง 5 จุด สู่ระดับลบ 9.4 ซึ่งแย่กว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าน่าจะทรงตัว และส่งผลให้นักลงทุนส่งคำสั่งขายหุ้นเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวได้ทำลายความหวังที่ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว

เจมส์ โกล จากบอสตัน แอดไวเซอร์ส กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า นักลงทุนในตลาดเริ่มกังวลว่าเรากำลังจะไปในทิศทางใด "เรายังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเรายังคงตกงาน"

ด้านแฮร์รี เรดี้ จากเรดี้ แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า หุ้นขึ้นเร็วเกินไป เมื่อพิจารณาจากปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่คลี่คลาย

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กเดินหน้าขึ้นอย่างคึกคักนับตั้งแต่ที่ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม เนื่องจากมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังแข็งแกร่งขึ้น แต่การซื้อขายเริ่มกลับมาทรงตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆส่วนใหญ่ภายหลังการแสดงความเห็นของรัฐมนตรีคลังรัสเซีย อเล็กเซ คุดริน ในที่ประชุมจี8 ที่อิตาลี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งยืนยันว่าเงินดอลลาร์จะยังคงมีสถานะเป็นสกุลเงินหลักของโลกต่อไป

หุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่พุ่งขึ้น เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้โภคภัณฑ์ราคาแพงขึ้น ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจให้นักลงทุนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร โดยสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 2.1% แตะที่ 70.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

หุ้นเอ็กซอน โมบิล และ ฟรีพอร์ท-แม็คโมแรน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ เป็นแกนนำหุ้นกลุ่มพลังงานและโลหะพื้นฐานให้ปรับตัวลดลง

หุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของสหรัฐ ลดลง 1.3% แตะ 72.81 ดอลลาร์ หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วง 2.9% แตะ 43.10 ดอลลาร์ หุ้นอัลโค อิงค์, แคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ และดูปองท์ โค ร่วงลงอย่างน้อย 4.2%

หุ้นฟรีพอร์ท-แม็คโมแรน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของโลก ร่วงลง 5.8% แตะ 55.14 ดอลลาร์ หลังจากที่ราคาทองคำลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และราคาทองแดงร่วง 3.7% ซึ่งมากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ในการซื้อขายที่นิวยอร์ก

โดยมีรายงานว่าปริมาณสำรองทองแดงในเซี่ยงไฮ้ขยายตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 สู่ระดับ 60,647 ตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ 20 มีนาคม 2551 ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอุปทานอาจแซงหน้าอุปสงค์ในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคทองแดงรายใหญ่สุดของโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ