ดั๊ก บาร์เนตต์ ประธานบริษัทเควสท์ แมเนจเมนท์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนต่างประเทศที่มุ่งเน้นซื้อขายหุ้นจดทะเบียนของไทย ได้แนะให้นักลงทุนซื้อหุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. และหุ้นบมจ. เมอร์เมด มาริไทม์ เนื่องจากเชื่อว่าทั้งสองบริษัทจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
บาร์เนตต์ ซึ่งบริหารจัดการกองทุนมูลค่า 115 ล้านดอลลาร์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า PTTEP ได้เพิ่มผลผลิตและมีกำไรเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง ขณะที่เมอร์เมด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะแก่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ได้รับสัญญาระยะยาวหลายฉบับและได้ขึ้นค่าบริการ
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI สิ้นปีนี้ ว่าจะอยู่ที่ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 31% จากระดับเดิมที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่า จะดีดตัวขึ้นมากกว่านี้ในปีหน้า เนื่องจากอุปสงค์ฟื้นตัวและอุปทานหดตัวลง โดยหุ้น PTTEP ไต่ระดับขึ้น 31% ในปีนี้ ขณะที่หุ้นเมอร์เมดพุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่า ส่วนดัชนี SET Index ของไทย ปรับตัวขึ้น 36%
"ที่ผ่านมา เราไม่ชอบ PTTEP มากนัก เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากก๊าซธรรมชาติซึ่งรัฐบาลไทยเป็นผู้ควบคุมและกำหนดราคา" บาร์เนตต์กล่าว อย่างไรก็ดี การซื้อกิจการ Coogee Resources Ltd. ของออสเตรเลียมูลค่า 170 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จะเพิ่มผลผลิตน้ำมันดิบให้บริษัท และราคาหุ้นจะเป็นผลสะท้อนของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
บาร์เนตต์กล่าวว่า กองทุนของเขาลงทุนในหุ้นทั้งของ PTTEP และเมอร์เมด ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์
ขณะเดียวกัน นายบาร์เนตต์ยังได้แนะให้ขายหุ้นบมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ของไทย และบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH) โดยให้เหตุผลว่า อุปทานเรือใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อัตราค่าขนส่งสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง ซึ่งจะกระทบรายได้ของ TTA ส่วน LH นั้น บาร์เนตต์มองว่ามีราคาสูงเกินไป (overvalued) เมื่อเทียบกับคู่แข่ง