บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) (KGI) คาดว่าภายในปีนี้บริษัทจะเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ในหุ้นสามัญ(Derivative Warrant:DW) ราว 10 ตัว มูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท หลังจากที่ได้เริ่มออกตัวแรกเป็น DW ของบมจ.ปตท. โดยใช้ชื่อย่อ PTT13CA ที่จะเสนอขายในวันที่ 22-30 มิ.ย.นี้ จำนวน 20 ล้านหน่วย
PTT13CA จะเสนอขายในราคา 2.72% ของราคาปิดหุ้น PTT ณ วันที่ 2 ก.ค.52 อัตราการใช้สิทธิ 5 DW ต่อ 1 หุ้นสามัญ PTT โดยจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 9 ก.ค.นี้ กำหนดวันออก 3 ก.ค.52 และกำหนดวันทำการซื้อขายสุดท้ายในวันที่ 14 ธ.ค.52 ซึ่งจะครบกำหนดอายุในวันที่ 18 ธ.ค.52
สำหรับ DW เป็นสิทธิที่ผู้ขายให้กับผู้ถือ DW ในการที่จะซื้อหุ้นตามเงื่อนไขที่ผู้ขาย DW กำหนด โดยจะมีการกำหนดราคาที่จะใช้สิทธิซื้อหุ้นและระยะเวลาที่สามารถใช้สิทธิ DW มีความคล้ายคลึงกับ warrant ที่บริษัทจดทะเบียนเป็นผู้ออก แต่แตกต่างที่ผู้ออก DW จะเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทเหล่านี้อาจมีหุ้นรองรับการใช้สิทธิของ DW ที่ออกทั้งจำนวน หรือมีเป็นบางส่วน หรือไม่มีเลยก็ได้
ผู้ถือ DW สามารถใช้สิทธิเมื่อถึงวันที่กำหนดเพียงครั้งเดียว และเมื่อใช้สิทธิ ผู้ถือ DW จะได้รับการชำระราคาเป็นเงินสดจากผู้ออก DW หรือที่เรียกว่า Cash Settlement เท่านั้น โดยจะไม่มีการส่งมอบหุ้นอ้างอิงแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ถือ DW จะใช้สิทธิเมื่อราคาหุ้นอ้างอิงนั้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิ โดยผู้ออกใช้สิทธิให้โดยอัตโนมัติ(Auto Excercise) ในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนจะต้องหักต้นทุนที่จ่ายซื้อ DW จากการใช้สิทธิ และผู้ถือ DW ต้องยื่นเสียภาษีเงินได้จากการใช้สิทธิ
นางสาวนฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ KGI กล่าวว่า บริษัทจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์รายแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ DW มาเสนอขาย โดยจะยื่นขออนุญาตออก DW เพิ่มเติมอีก 3 ตัวในสัปดาห์หน้า และคาดว่าต่อจากนี้จะมีโบรกฯอีก 7-8 แห่งจะออก DW ตามมา
ทั้งนี้ การออก DW บริษัทฯจะเน้นไปที่หุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก ทั้งนี้การเทรด DW จะไม่มีเพดานซิลลิ่งและฟลอร์(Ceiling/Floor) ส่วนการคิดค่าคอมมิชชั่นจะเหมือนซื้อขายหุ้นปกติที่ระดับ 0.25% ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนจะเสนอขายหน่วยลงทุนในกองทุน FTSE ETF ภายในเดือนส.ค.นี้ โดยจะทำร่วมกับบลจ.วรรณ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการอยู่ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีทุนจดทะเบียนที่ใกล้เคียงกับ TDEX ซึ่งเป็นกองทุน Equity ETF
ทั้งนี้ FTSE ETF จะอ้างอิงหุ้นจำนวน 30 ตัวใน SET50 ทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคงจะมีการถ่วงน้ำหนักระหว่างหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงในวันที่ 5-6 ตุลาคม 2552 เพื่อนำเสนอข้อมูลการลงทุนที่เกี่ยวกับ ETF ทั้งหมด เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางคณะ Consortium ที่ร่วมกันจัดตั้ง FTSE ได้เพิ่มสมาชิกขึ้นมาอีก 2 บริษัทฯ คือ บล.เอเชีย พลัส และบล.ทิสโก้ ซึ่งทั้งสองบริษัทฯนี้ก็จะมาเข้าร่วมทำงานกับคณะ Consortium ด้วย