ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 107.46 จุด หลังข้อมูลศก.อ่อนแอกระทบความเชื่อมั่นของนลท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 17, 2009 05:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากที่เฟดได้เปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งได้บดบังรายงานตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน การขออนุญาตก่อสร้าง และเงินเฟ้อที่ดีเกินคาด และทำให้นักลงทุนเริ่มกลับมากังวลอีกครั้งเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดปรับตัวลง 107.46 จุด หรือ 1.25% แตะที่ 8,504.67 จุด ทำให้รวมสองวันดัชนีร่วงลงเกือบ 300 จุด หลังจากที่ปิดลบ 187.13 จุด แตะที่ 8,612.13 จุด เมื่อวันจันทร์ ขณะที่ ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 11.75 จุด หรือ 1.27% แตะที่ 911.97 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 20.20 จุด หรือ 1.11% แตะที่ 1,796.18 จุด

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นักลงทุนกังวลว่าการที่หุ้นทะยานขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานมาจากมุมมองแง่บวกที่ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นนั้น อาจเร็วเกินไป โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนต้องการหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้จึงจะเริ่มกลับมากระตุ้นตลาดให้เดินหน้าอีกครั้ง หลังจากที่หยุดชะงักไปเนื่องจากความกังวลว่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ราคาโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

แรนดี เฟรเดริก จากชาร์ลส ชวาบ กล่าวว่า "คุณต้องมีข่าวดีอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆจึงจะทำให้มีแรงผลักดันตลาดให้ปรับตัวสูงขึ้น แต่เราไม่มีสิ่งนี้"

คลาเรนซ์ วูดส์ จูเนียร์ หัวหน้านักค้าหุ้นจาก เอ็มทีบี อินเวสเมนท์ แอดไวเซอร์ส กล่าววา "อาจจะเร็วเกินไปหน่อยที่ทึกทักเอาว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้น ตลาดหุ้นเดินหน้าแรงและเร็วเกินไป"

ทั้งนี้ หุ้นปรับตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงเปิดตลาด โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มผู้สร้างบ้าน หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่และอพาร์ทเมนท์ในเดือนพ.ค.กระโดดขึ้นถึง 17.2% แตะที่ระดับ 532,000 หลัง ซึ่งเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 3 เดือนและดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 500,000 หลัง ขณะที่คำขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำกิจกรรมในอนาคตของตลาดที่อยู่อาศัย ก็ปรับตัวขึ้นถึง 4% โดยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านใหม่นี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าภาวะถดถอยในตลาดที่อยู่อาศัยเริ่มหลุดพ้นจากจุดต่ำสุดแล้ว

ด้านกระทรวงแรงงานได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นได้ชดเชยราคาอาหารที่ถูกลง

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังเพิ่มขึ้นในการส่งคำสั่งซื้อหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. ร่วงลงมากกว่าคาดการณ์ที่ 1.1% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยกระทบความต้องการสินค้า อาทิ รถยนต์ เครื่องจักร และเครื่องใช้ในครัวเรือน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.9%

แรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานและโภคภัณฑ์ได้เข้าสกัดช่วงขาขึ้นในภาคเช้า เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลงในการซื้อขายช่วงบ่าย โดยสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 15 เซนต์ ปิดที่ 70.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่เดินหน้าขึ้นถึง 3% ในช่วงเช้า ขณะที่ราคาทองแดงก็ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก

หุ้นฟรีพอร์ท-แม็คโมแรน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่สุดของโลก ร่วงลง 5% และ ออคซิเดนทอล ปิโตรเลียม คอร์ป ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในเท็กซัส ร่วง 4.1%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดัน หลังจากที่ เบสท์ บาย โค ผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐรายงานยอดขายและผลกำไรที่น่าผิดหวังในไตรมาสแรก หุ้นเบสท์บาย ดิ่งลง 7.3% จากรายงานผลกำไรที่ทรุดลง 15%

เอที แอนด์ ที อิงค์ ลดลง 1.7% หลังจากที่บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่สุดของสหรัฐถูกลดน้ำหนักความน่าลงทุนโดยบาร์เคลย์ส


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ