โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ทิสโก้ ถือ 20.30
บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 25.60
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ถือ 23.00
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ซื้อ 26.00
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ไม่แนะนำ 19.60
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 28.40
นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ ประเมินหุ้น TTA ราคาช่วงนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 18-24 บาท และยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้อีก เนื่องจากดัชนีค่าระวางเรือ BDI ยังจะปรับตัวขึ้นไปได้ในระยะสั้น จากคำสั่งซื้อสินค้าที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งคำสั่งซื้อสินแร่เหล็กจากจีนและถ่านหินจากญี่ปุ่น แต่ต้องคอยจับตาดูด้วยว่าคำสั่งซื้อสินค้าจะมีการชะลอตัวเมื่อไร ซึ่งหากชะลอก็จะทำให้ค่าระวางเรือปรับตัวลงได้
ทั้งนี้ จีนเป็นตัวหลักที่จะผลักดันการขึ้นของค่าระวางเรือ เพราะเมื่อไรที่จีนชะลอการสั่งซื้อสินค้าก้เชื่อว่าค่าระวางเรือจะหดตัวลงไปด้วย และคิดว่าในช่วงไตรมาส 3 นี้ จีนน่าจะชะลอการสั่งซื้อสินค้าได้แล้ว เนื่องจากเวลานี้จีนได้ตุนสินค้าไว้แล้วเกิน 120 ล้านตัน จากธรรมดาจีนจะใช้เพียงเดือนละ 30-40 ล้านตัน ซึ่งที่ทางจีนสั่งซื้อสินค้าเพราะก่อนหน้านี้ราคาเหล็กต่ำด้วย
นายฐาปน กล่าวอีกว่า ดัชนีค่าระวางเรือ BDI น่าจะแกว่งแถวระดับ 2,000 ต้น ๆ พร้อมกันนี้ผลประกอบการของ TTA ในช่วงไตรมาส 3/52(เม.ย.-มิ.ย.)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 600 ล้านบาท รับผลดีจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทลูก"เมอร์เมดฯ"ก็มีงานเข้าด้วย
สำหรับผลประกอบการของ TTA ทั้งปี 52 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 2,000 ล้านบาท ลดลง 77% เมื่อเทียบจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 8,700 ล้านบาท
"ปีนี้ที่ยังพอมีกำไรดี เพราะได้มีการล็อคสัญญาไว้ตั้งแต่ปี 51 แต่พอสัญญาหมดแล้วรายได้ก็จะหดลงไป ทำให้ธุรกิจเรือเทกองเกือบจะ break-event ส่วนเมอร์เมดฯก็ยังกำไรเหมือนเดิม"นายฐาปน กล่าว
นายกฤตย์ เล็กสุขุม นักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)ยังคงแนะ"ซื้อ"หุ้น TTA เนื่องจากมองว่าจะได้รับผลดีจากดัชนีค่าระวางเรือ BDI ที่ปรับตัวดีขึ้นจากคำสั่งซื้อของจีนและญี่ปุ่น น่าจะทำให้ผลประกอบการของ TTA ดีขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ทำไว้ในไตรมาส 1/51-52(ต.ค.-ธ.ค.51)ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการของ TTA ในไตรมาส 3/52(เม.ย.-มิ.ย.)จะดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรเบื้องต้น 500 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาส 2/52(ม.ค.-มี.ค.)ที่มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปี 52 คาดการณ์กำไรสุทธิของ TTA ไว้ที่ 2,800 ล้านบาท ลดลงกว่า 70% เมื่อเทียบกับปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 8,700 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วค่าระวางเรือขึ้นมาอยู่ในระดับสูงมาก ขณะที่ปีนี้ค่าระวางเรือจะค่อย ๆ ไต่ขึ้นไป คาดว่าดัชนี BDI ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะแกว่งตัวอยู่แถว 3,000-3,500 โดยอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้ค่าระวางเรือยังไม่สามารถขึ้นสูงได้ เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังปีนี้ปริมาณเรือจะมีเข้ามามาก
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า สัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นของหุ้น TTA จะเห็นได้ว่าสามารถซื้อเก็งกำไรได้ เนื่องจากดัชนีค่าระวางเรือ BDI ช่วงสั้นยังคงปรับตัวขึ้น โดยมีแนวรับที่ 22.50 บาท แนวต้าน 25 บาท
ทั้งนี้ ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของ TTA ในปีนี้ประเมินว่า กำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1,480 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 51 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ 8,700 ล้านบาท เนื่องจากค่าระวางเรือในปี 2551 วิ่งขึ้นมาสูงสุดถึง 11,793 ขณะที่ล่าสุด(16 มิ.ย.)ดัชนีค่าระหวางเรือ BDI อยู่ที่ 3951 แต่ในระยะสั้นมองว่าดัชนี BDI ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้อีก
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนหุ้น TTA เนื่องจากราคาหุ้นวิ่งขึ้นเกินราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ให้ไว้ที่ 19.6 บาท/หุ้นแล้ว และการฟื้นตัวของ TTA ยังจำกัดอยู่ แม้ว่าจะได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/51-52(ต.ค.-ธ.ค.51)โดยประเมินกำไร TTA ปีนี้ไว้ที่ 1,280 ล้านบาท(ยังไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน และรายการพิเศษ)ลดลงประมาณ 77% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 1,662 ล้านบาท(ยังไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน และรายการพิเศษ)
เวลานี้ดัชนี BDI ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากความต้องการเหล็กจากจีนที่สูงทำให้การขนส่งสูงขึ้น ซึ่งค่าระวางเรือคงจะไม่ขึ้นไปสูงมากนัก เนื่องจาก Supply เรือที่มีสูงจะกดดันให้ค่าระวางเรือปรับลดลงมาได้ในอนาคต ดังนั้น ราคาหุ้น TTA ช่วงสั้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นเพียงแค่การขึ้นมารับดัชนี BDI ที่ขยับตัวสูงขึ้น