ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 มิ.ย.) หลังจากบริษัท เฟดเอ็กซ์ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการและแสดงความคิดเห็นในด้านลบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่ธนาคารพาณิชย์ 18 แห่งในสหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิต ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 7.49 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 8,497.18 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.26 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 910.71 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 11.88 จุด หรือ 0.7% แตะที่ 1,808.06 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.3 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 1.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
แดน เดมิง นักวิเคราะห์จาก Strutland Equities ในชิคาโกกล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนตลอดทั้งวัน หลังจากบริษัท เฟดเอ็กซ์ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการเพราะเกรงว่าผลประกอบการในปีนี้จะไม่เป็นไปตามเป้า นอกจากนี้ เฟดเอ็กซ์ยังแสดงความคิดเห็นในด้านลบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
นักวิเคราะห์ยังกล่าวด้วยว่า ในช่วงสายของวัน ตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนหนักขึ้นเมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับเครดิต 18 แบงค์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ พร้อมกับระบุว่าภาคการธนาคารของสหรัฐจะยังคงซบเซาและธนาคารอาจต้องเผชิญกับกฎข้อบังคับที่เข้มงวดขึ้นจากภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบไม่มากนักเพราะได้รับแรงหนุนจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% และนับเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนแรกในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหาร เพิ่มขึ้น 0.1%
หุ้นบีบีแอนด์ที คอร์ป และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็น 2 ใน 18 แห่งของธนาคารที่ถูกเอสแอนด์พีปรับลดเครดิต ดิ่งลง 2.9% ขณะที่ดัชนี KBW Bank index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด 24 ธนาคารยักษ์ใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีท ดิ่งลง 3.3%