บมจ. ไทยเกรียง กรุ๊ป (TDT) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2552 มีมติอนุมัติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนจาก 1,057,210,000 บาท เป็น 532,603,858 บาท จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 5,967,396,142 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เป็น 6,500,000,000 บาท
ทั้งนี้ บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 2,663,019,290 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 5 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 0.35 บาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 3,304,376,852 หุ้น เสนอขายให้แก่ก่ บริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) และ/หรือ บริษัท เค เอ็ม พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในราคาหุ้นละ 0.35 บาท
พร้อมทั้ง มีมติอนุมัติให้บริษัทซื้อทรัพย์สินราคาไม่เกิน 2,490 ล้านบาท จากณุศาศิริ แกรนด์ จำนวน 4 โครงการ และซื้อจาก เค เอ็ม พีฯ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ 1 โครงการ เพื่อให้ปลอดภาระจำนอง
การชำระราคาค่าทรัพย์สินเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ชำระเป็นเงินสดไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินมัดจำ 100 ล้านบาท และเงินกู้จากสถาบันการเงินไม่เกิน 1,400 ล้านบาท, ส่วนที่ 2 ชำระเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกเสนอขายให้แก่ ณุศาศิริ แกรนด์ และ/หรือ เค เอ็ม พีฯ จำนวนไม่เกิน 3,304,376,852 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.35 บาท หรือคิดเป็นมูลค่า ไม่เกิน 1,156,531,898 บาท
ทั้งนี้ หุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวได้รวมถึงหุ้นส่วนที่สำรองไว้สำหรับกรณีที่บริษัทขอเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินได้น้อยกว่ายอดหนี้คงค้างของ ณุศาศิริ แกรนด์ และ/หรือ บริษัท เค เอ็ม พีฯ มีต่อธนาคารกรุงไทย ทำให้ณุศาศิริ แกรนด์ และ/หรือ เค เอ็ม พีฯ ต้องเป็นฝ่ายชำระหนี้ส่วนต่างกับธนาคาร โดยบริษัทจะชำระคืนส่วนต่างให้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนแทน
สำหรับทรัพย์สินซึ่งเป็นโครงการที่เข้าซื้อในครั้งนี้จาก ณุศาศิริ แกรนด์ ประกอบด้วย 1.โครงการณุศาศิริ แกรนด์ คอนโด (สุขุมวิท-เอกมัย) ตั้งอยู่ที่ปากซอยสุขุมวิท 42 เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัย กรุงเทพมหานคร โดยจะซื้อพื้นที่ส่วนพลาซ่าจำนวน 50 ยูนิต มีพื้นที่ทั้งหมด 4,816.32 ตร.ม. มีภาระจำนองกับธนาคารกรุงไทยสำหรับเงินกู้ยืมคงค้าง ประมาณ 30 ล้านบาท ราคาซื้อขาย 450 ล้านบาท (ราคาประเมิน 681.76 ล้านบาท ประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจาก สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ("ก.ล.ต."))
2. โครงการณุศาศิริ สาทร-วงแหวน ตั้งอยู่ที่ ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร โดยจะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 7 แปลง มีพื้นที่ทั้งหมด 1,097.30 ตร.วา ไม่มีภาระผูกพัน ราคาซื้อขาย 75 ล้านบาท (ราคาประเมิน 91.36 ล้านบาท ประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับ ความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.)
3.โครงการณุศาศิริ สาทร-ปิ่นเกล้า ตั้งอยู่ที่ ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร โดยจะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 19 แปลง มีพื้นที่ทั้งหมด 2,962.80 ตร.วา มีภาระจำนองกับธนาคารธนชาต สำหรับวงเงินกู้ยืม ซึ่งไม่มียอดคงค้าง ราคาซื้อขาย 165 ล้านบาท (ราคา ประเมิน 198.20 ล้านบาท ประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.)
4.โครงการณุศาศิริ พระราม 2 ตั้งอยู่ติดถนนพระราม 2 หรือถนนธนบุรี-ปากท่อ ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และซอยแสมดำ 14 (ปู่หลวง) ถนนอบต. พันท้ายนรสิงห์ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยจะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งโครงการ มีพื้นที่ทั้งหมด 133,319.80 ตร.วา มีภาระจำนองกับธนาคารกรุงไทย สำหรับเงินกู้ยืมคงค้างประมาณ 1,200 ล้านบาท ราคาซื้อขาย 1,410 ล้านบาท (ราคาประเมิน 1,680.45 ล้านบาท ประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.)
ส่วนโครงการที่ซื้อจาก เค เอ็ม พีฯ คือ โครงการบ้านกฤษณา พระราม 5-กาญจนาภิเษก ตั้งอยู่ที่ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลบางคูเวียง (บางคูเวียงฝั่งเหนือ) อำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี โดยจะซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 125 แปลง มีพื้นที่ทั้งหมด 10,679.10 ตร.วา มีภาระจำนองกับธนาคารกรุงไทย สำหรับเงินกู้ยืมคงค้างประมาณ 200 ล้านบาท ราคาซื้อขาย 390 ล้านบาท (ราคาประเมิน 521.55 ล้านบาท ประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.)
ทั้งนี้ หลังจากที่ ณุศาศิริ แกรนด์ และ/หรือ เค เอ็ม พีฯ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทแล้ว ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว มีภาระหน้าที่ในการทำคำเสนอซื้อ (Tender Offer) แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป และหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนของการทำคำเสนอซื้อเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะประกาศปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อพักการโอนหุ้นเพื่อให้สิทธิ Right Offering แก่ผู้ถือหุ้นเดิมต่อไป โดย ณุศาศิริ แกรนด์ และ/หรือ เค เอ็ม พีฯ จะสละสิทธิในหุ้นสามัญเพิ่มทุนนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของตนไว้
นอกจากนี้ ณุศาศิริ แกรนด์ และ/หรือ เค เอ็ม พีฯ และ/หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ และ/หรือกรรมการ และ/หรือบุคคลตามมาตรา 258 ของบุคคลดังกล่าวจะดำเนินการขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) โดยการเลิกประกอบธุรกิจแข่งขัน และ/หรือลาออกจากกรรมการ และ/หรือขายทรัพย์สินโครงการอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือขายหุ้นที่มีอยู่ในบริษัทที่อาจดำเนินธุรกิจที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยจะขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ให้หมดไปก่อนที่บริษัทจะได้รับอนุญาตให้กลับมาซื้อขายในหมวดปกติในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง
วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน และการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม เพื่อนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัดและ/หรือผู้ลงทุนสถาบันไปใช้สำหรับชำระราคาในการซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ณุศาศิริ แกรนด์ จำกัด (มหาชน) และ/หรือ บริษัท เค เอ็ม พี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มูลค่ารวมไม่เกิน 2,490 ล้านบาท เพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และทำให้บริษัทกลับมาซื้อขายในหมวดปกติอีกครั้ง c]tเพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Issue) มาใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
ประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อนี้ คาดว่าจะช่วยฟื้นฟูสถานะทางการเงินของบริษัท และมีศักยภาพที่จะทำให้ผลประกอบการบริษัทดีขึ้นในระยะยาว} สถานะทางการเงินที่มั่นคงของบริษัท อาจสร้างโอกาสให้บริษัทนำหลักทรัพย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง
ด้านประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน คือ ผู้ถือหุ้นมีสภาพคล่องในการลงทุนอีกครั้ง หากผลการดำเนินงานที่เกิดจากธุรกิจใหม่ของบริษัทสามารถทำให้หุ้นของบริษัทกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในอนาคต และผู้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้จะมีสิทธิรับเงินปันผลจากการดำเนินงาน เริ่มตั้งแต่ปีที่มีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเป็นต้นไป (ถ้ามี) นอกจากนี้ หากผลประกอบการของบริษัทเป็นไปตามแนวนโยบายที่บริษัทวางไว้ และบริษัทสามารถกลับมาซื้อขายในหมวดปกติในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง ผู้ถือหุ้นอาจมีสิทธิได้รับผลตอบแทนในรูปของกำไรจากการขาย และได้รับยกเว้นภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
*ราคาสินทรัพย์ที่เข้าซื้อถูกกว่าราคาประเมิน
ทั้งนี้ TDT ยังชี้แจงว่า มูลค่าของสินทรัพย์ที่ซื้อมาทุกโครงการมีราคาถูกกว่ามูลค่าตามราคาประเมิน เช่น โครงการณุศาศิริ แกรนด์ คอนโด (สุขุมวิท - เอกมัย) มูลค่าซื้อขาย 450 ล้านบาท มูลค่าตามราคาประเมิน 681.76 ล้านบาทซึ่งประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,
โครงการณุศาศิริ สาทร - วงแหวน มูลค่าซื้อขาย 75 ล้านบาท มูลค่าตามราคาประเมิน 91.36 ล้านบาท ซึ่งประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความ เห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, โครงการณุศาศิริ สาทร - ปิ่นเกล้า มูลค่าซื้อขาย 165 ล้านบาท มูลค่าตามราคาประเมิน 198.20 ล้านบาท ซึ่งประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,
โครงการณุศาศิริ พระราม 2 มูลค่าตามสัญญาซื้อขาย 1,410 ล้านบาท มูลค่าตามราคาประเมิน 1,680.45 ล้านบาท ซึ่งประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์,โครงการบ้านกฤษณาพระราม 5 - กาญจนาภิเษก มูลค่าซื้อขาย 390 ล้านบาท มูลค่าตามราคาประเมิน 521.55 ล้านบาท ซึ่งประเมินโดย บริษัท ฟาสท์ แอนด์ แฟร์ แวลูเอชั่น จำกัด ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
*เปลี่ยนชื่อเป็น"บมจ. อั่งเปา แอสเสท"
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อจดทะเบียนของบริษัท จากเดิม "บริษัท ไทยเกรียง กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็น "บริษัท อั่งเปา แอสเสท จำกัด (มหาชน) และย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทไปที่ เลขที่ 29 อาคาร บางกอก บิสซิเนส เซ็นเตอร์ ชั้น16 ซอยเอกมัย ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
ทั้งนี้ มีมติอนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 ในวันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2552 เวลา 09.00 น. ณ ห้องเรือนแก้ว โรงแรมแกรนด์ อินคำ (สุวรรณภูมิ) เลขที่ 99 หมู่ที่ 6 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ