บล.โกลเบล็กเพิ่มเป้าส่วนแบ่ง TFEX เป็น 5%จาก 2% หวัง Stock Futures ดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 19, 2009 16:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.โกลเบล็ก ปรับเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอนุพันธ์(TFEX)ปี 52 เป็น 5% จากเดิมตั้งเป้าไว้ 2% หลังมีลูกค้ารายใหม่ซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้า(Gold Futures)คึกคัก และคาดว่าการเพิ่ม Single Stock Futures อีก 11 ตัวจะช่วยตลาด TFEX คึกคักมากยิ่งขึ้น เล็งหุ้น BANPU , TTA, LH, ITD, QH จะเป็นหุ้นยอดนิยม

นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า บริษัทได้ปรับเป้าส่วนแบ่งตลาด TFEX ในปี 52 เป็น 5% จากเดิม 2% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดอนุพันธ์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3.50-4.00% เนื่องจากบริษัทได้ลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาใน Gold Futures มากในช่วงราคาทองขาขึ้น โดยลูกค้าใหม่ที่เพิ่มเข้ามามีประมาณ 300 บัญชี จากที่มีฐานลูกค้า 600-700 บัญชี ซึ่งมีบัญชี Active กว่า 400 บัญชี

"พอทองนิ่งตลาด Futures หวือหวา ลูกค้าทองก็หันมาเล่น SET50 แทน เราจึงได้มาร์เก็ตแชร์ที่โตพอสมควร" นายสัญญา กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

นอกจากนี้ ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ ตลาดจะเพิ่ม Stock Futures อีก 11 ตัว จากเดิมที่มี 3 ตัว เพิ่มอีก 11 ตัวเป็น 14 ตัว เชื่อว่าจะช่วยทำให้ตลาด TFEX คึกคักมากขึ้น และนักลงทุนก็ทางเลือกมากขึ้นด้วย โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมมากกว่าตัวอื่น ได้แก่ TTA, LH, ITD, QH

และคาดว่า จำนวนสัญญาซื้อขายแต่ละวันจะเพิ่มอีก 200-300 สัญญาในช่วงแรก หลังจากน่าจะเพิ่มขึ้น

นายสัญญา กล่าวว่า หลายคนมองว่า single stocks ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง ซึ่งคิดว่าเป็นเพราะที่ผ่านมามีการประชาสัมพันธ์ จัดสัมมนาให้ความรู้ยังไม่เพียงพอ รวมทั้งการคิดค่าธรรมเนียม และการวางหลักประกันไม่ได้คงที่เหมือนกับการซื้อขายในตลาดหุ้น ซึ่งจะยุ่งยากกว่า

"ในแง่โบรกเกอร์ ช่วยเพิ่มลูกค้าตลาด TFEX เรื่องมาร์เก็ตแชร์เราคิดว่าเราได้เปรียบพอสมควร เพราะมีลูกค้ารายย่อยในตลาด TFEX อยู่มากพอสมควร และมี single stock futures ก็น่าจะเหมาะกับนักลงทุนรายย่อย" นายสัญญา กล่าว

ทั้งนี คาดว่า การเพิ่ม Stock Futures ทำให้นักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนมีความรู้จะเข้าใช้ป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดหุ้นขาลง แต่ภ้าเป็นนักลงทุนทั่วไปคิดว่าเข้ามาเก็งกำไร

อนึ่ง ตลาดอนุพันธ์จะเปิดซื้อขาย Stock Futures เพิ่มเติมอีก 11 ตัว ประกอบด้วย หุ้นบมจ. บ้านปู (BANPU) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ธนาคารกรุงเทพ(BBL) บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์(ITD) ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ธนาคารกรุงไทย (KTB) บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และบมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) โดยจะเริ่มซื้อขาย 22 มิ.ย.นี้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ