ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) หลังตลาดขาดปัจจัยชี้นำทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวช้าเกินคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 15.87 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 8,539.73 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.86 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 921.23 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 19.75 จุด หรือ 1.1% แตะที่ 1,827.47 จุด
ในตอนแรกตลาดเปิดปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากตัวเลขจ้างงานและภาคการผลิตที่สดใสในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แต่พอถึงวันศุกร์กลับไม่มีปัจจัยชี้นำทางเศรษฐกิจมากนัก นักลงทุนจึงขาดแรงกระตุ้น และเริ่มวิตกว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวช้าเกินคาด
ดัชนีสำคัญทั้งหมดปิดปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกเมื่อพิจารณาเป็นรายสัปดาห์ นับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 11 พ.ค. โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วง 3%, ดัชนี S&P ลดลง 2.6% และดัชนี Nasdaq ลบ 1.7%
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ส่วนมากคาดการณ์ไว้แล้วว่าดัชนีจะปรับตัวลดลง เนื่องจากก่อนหน้านี้ดัชนีดังกล่าวพุ่งสูงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ โดยปกติแล้วการที่ดัชนี S&P จะพุ่งสูงกว่า 40% ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ไม่ใช่เพียงไม่กี่เดือนอย่างที่เกิดขึ้น
"เทรดเดอร์รู้อยู่แล้วว่าดัชนีคงไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างเดียว มีขึ้นก็มีลง" คีธ วอลเตอร์ ผู้จัดการ อาร์ทิโอ โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ กล่าว
นักวิเคราะห์มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางของตลาดต่อจากนี้ โดยนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าตลาดจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่อีกหลายคนเชื่อว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นอีกครั้ง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากที่แอปเปิล อิงค์ เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ โดยหุ้นแอปเปิลปรับตัวสูงขึ้น 3.60 ดอลลาร์ หรือ 2.7% แตะที่ 139.48 ดอลลาร์ ในขณะที่หุ้นของคู่แข่งอย่าง ปาล์ม อิงค์ ก็พุ่งสูงถึง 6% แตะที่ 13.93 ดอลลาร์