"เกียรติธนา ขนส่ง"จะขาย IPO 40 ล้านหุ้น เข้าตลาด MAI

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 22, 2009 12:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง ได้นับ 1 Filing เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2552 เนื่องจากบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 20% ของทุนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น ทั้งนี้ บริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ(MAI)โดยมีบล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายการให้บริการขนส่งของบริษัทและบริษัทย่อย

บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง ดำเนินธุรกิจหลักเป็นผู้ให้บริการขนส่งสารเคมีและวัตถุดิบอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการจัดเก็บและกระจายสินค้า ทั้งนี้ ในปี 2546 บริษัทฯได้ขยายกิจการโดยซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท เคมทรานส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักเป็นผู้ให้บริการขนส่งสารเคมีอันตราย และผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงและพลังงาน

ในปี 2550 บริษัทฯได้ร่วมทุนกับบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เรสปอนซ์ คอร์ปอเรชั่น ตั้งอยู่ที่รัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งบริษัท เอสอีเอส เคม จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 11 ล้านบาท และสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 51 และร้อยละ 49 ตามลำดับ เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการระงับเหตุฉุกเฉินที่เกี่ยวกับสารเคมี ปิโตรเคมี และปิโตรเลียม

โดยบริษัทแบ่งลักษณะการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยเป็น 4 ประเภท ดังนี้ บริการขนส่งสินค้า, บริการจัดเก็บและกระจายสินค้า, บริการบริหารงานขนส่ง และบริการระงับเหตุและตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน

3 เดือนแรกของปี 2552 บริษัทและเคมทรานส์มีรายได้รวม 103.77 ล้านบาท ต้นทุนรวม 48.14 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.03 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 418.71 ล้านบาท หนี้สินรวม 113.46 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 303.21 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเป็นทุนที่ชำระแล้ว 160 ล้านบาท

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ คือ กลุ่มนายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ ถือหุ้น 139.45 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 87.16% ภายหลังจากขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 69.72%

ทั้งนี้บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และสำรองตามกฎหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ