ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บล.ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ คาดว่า เร็ว ๆ นี้บริษัทจะมีการปรับการคาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย หลังจากดัชนี SET ได้ปรับเพิ่มขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐานแล้ว ซึ่งถือว่าราคาหุ้นแพงกว่าราคาปัจจัยพื้นฐาน โดยในช่วงที่ผ่านมาในได้ปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะการขยายตัวของสินเชื่อยังค่อนข้าลำบาก
"ช่วงก่อนหน้าบริษัทประเมินดัชนี SET สิ้นปีอยู่ที่ 550 จุด แต่คาดว่าในเร็ว ๆ นี้จะมีการปรับการคาดการณ์ ซึ่งในช่วงนี้ก็ยังพิจารณาปัจจัยพื้นฐานกับสภาพคล่องที่มีในตลาด เพราะหากว่าเม็ดเงินจากนักลงทุนไหลเข้ามาก็จะทำให้หุ้นขึ้นได้ โดยช่วงนี้สภาพคล่องในตลาดเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนดัชนี"ม.ล.ทองมกุฎ กล่าว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นลักษณะรูปตัว U โดยในไตรมาส 4/52 เศรษฐกิจอาจจะดีขึ้นและมีเม็ดเงินไหลเข้ามาจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่จะมากขนาดไหนนั้นก็ยากที่จะประเมิน
พร้อมกันนี้ เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติจะดีขึ้น หลังจากที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีแรงขายออกมามากนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะอาจจะมีแรงซื้อเข้ามานานติดต่อกัน ทำให้มีแรงขายเป็นช่วงๆ ซึ่งยังไม่เชิงว่านักลงทุนต่างชาติจะทิ้งหุ้นไทย เพราะสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15-20%
ในช่วงนี้การเข้าหรืออกจากการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนใหญ่พิจารณาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีความผันผวน ซึ่งหากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นก็จะทำให้นักลงทุนอาจจะถอนเงินคืนเพื่อกลับไปลงทุนสหรัฐ แต่หากว่าถ้าค่าเงินดออลาร์อ่อนค่าลง ก็จะทำให้เม็ดเงินจากสหรัฐไหลออกมาไปลงทุนอื่นๆ เช่น การลงทุนในน้ำมัน ทองคำ หรือหุ้น เป็นต้น
ม.ล.ทองมกุฎ กล่าวว่า ในส่วนของการเปิดเสรีทางการเงินของธุรกิจหลักทรัพย์นั้น เมื่อมีการเปิดเสรีแล้วในส่วนของบริษัทก็น่าจะอยู่รอดได้ และการที่บล.บางส่วนมีการจับคู่กับพันธมิตรต่างชาติ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อค่าธรรมเนียมการซื้อขายของบริษัทที่อาจจะลดลงบ้าง แต่ก็เชื่อว่าบริษัทน่าจะยังอยู่ได้