นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงิน-บัญชี บมจ.มั่นคงเคหะการ(MK)เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 แปลงหรือคิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท จากแผนที่วางไว้ที่จะซื้อ 2-3 แปลงหรือมูลค่า 500-600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรองรับการพัฒนาโครงการในปีหน้า ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นและความมั่นใจของผู้บริโภคเริ่มกลับมา
สำหรับที่ดินแปลงที่จะซื้อเพิ่มเติมนั้น ในเบื้องต้นจะพัฒนาเป็นโครงการที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 พันล้านบาท และการซื้อที่ดินดังกล่าวถือเป็นการใช้เม็ดเงินลงทุนไม่มากเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ในการบริหารเพื่อลดความเสี่ยงและยังสามารถปิดโครงการได้เร็ว
นางสาวชุติมา กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ดีขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ผู้บริโภคกลับมาตัดสินใจซื้อบ้านเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 2/52 ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเดือนพ.ค.ที่มียอดขายสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.ที่สถานการณ์บ้านเมืองมีปัญหาทำให้ยอดขายลดลง
ทั้งนี้ บริษัทคาดยอดขายในไตรมาส 2/52 ไว้ที่ประมาณ 600-700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 ที่มียอดขาย 400 กว่าล้านบาท และเชื่อว่ายอดขายจะดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงครึ่งหลังของปีนี้ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายจะปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้ว แต่บริษัทยังจะไม่ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ที่ตั้งไว้ในระดับ 2.5 พันล้านบาท และรายได้ที่ 2.4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทต้องการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในลักษณะ Conservative โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)เพิ่มขึ้นมาที่ 1 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดในปีนี้ และมี 17 โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา
"เราเชื่อว่าไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุด หลังจากนั้นทุกอย่างเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้ประกอบการ รวมถึงบริษัทที่จะพัฒนาโครงการในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาการเยี่ยมชมโครงการต่อเดือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 500-600 ราย ส่วนภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ คงขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเป็นสำคัญ"น.ส.ชุติมา กล่าว
นางสาวชุติมา เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบการตลาดเป็น 80-100 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้งบการตลาด 60 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระตุ้นผู้บริโภคให้เข้ามาซื้อบ้านมากขึ้น โดยครึ่งปีหลังจะทยอยออกโครงการส่งเสริมการขายราว 4-5 แคมเปญ
ขณะที่การเปิดโครงการในครึ่งปีหลังยังคงดำเนินการตามแผนเดิม ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ เพชรเกษม 81, โครงการย่านถนนสิรินธร มูลค่า 600 ล้านบาท ขณะที่โครงการย่านแจ้งวัฒนะ มูลค่า 1.2 พันล้านบาทจะเปิดตัวในช่วงปีหน้า
นางสาวชุติมา กล่าวว่า บริษัทสนใจที่จะพัฒนาโครงการที่เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้การส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ในพื้นที่เขต 1 แต่คงจะต้องใช้เวลาในการศึกษาเพราะโครงการในระดับราคาดังกล่าวเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมที่อยู่ในย่านชานเมือง แต่บริษัทคงไม่ได้รีบร้อน โดยอาจจะมีการพัฒนาในปี 53