TICON เจรจาลูกค้ากลุ่มใหม่ 3-4 รายเช่าโรงงานยาว 15-20 ปี คาดสรุปในส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 24, 2009 10:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 3-4 รายที่ต้องการเช่าพื้นที่โรงงานระยะยาว 15-20 ปี ขนาดพื้นที่ 1-2 หมื่นตารางเมตร มูลค่าค่าเช่ารายละประมาณ 300-500 ล้านบาท ถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ เนื่องจากปกติบริษัทจะให้เช่าพื้นที่โรงงานระยะเวลาโดยเฉลี่ย 3 ปี

บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปผลเจรจากับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวบางรายในเดือน ส.ค.นอกเหนือจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่จากสหรัฐอเมริกาที่จะสรุปในเดือน ก.ค มูลค่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ในอนาคต และเป็นการยืนยันจำนวนลูกค้าที่แน่นอนภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกกลุ่มลูกค้าดังกล่าวบริษัทจะมีความเข้มงวดอย่างมาก โดยพิจารณาทั้งในเรื่องฐานะทางการเงิน ลักษณะการดำเนินธุรกิจ เพื่อจะได้เห็นถึงสถานะของบริษัทว่ามีความสามารถจ่ายค่าเช่าในระยะยาวได้ อีกทั้งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวจะสร้างโรงงานแบบเฉพาะ หากมีปัญหาหรือไม่สามารถดำรงสถานะตามอายุเช่าได้จะทำให้บริษัทต้องใช้ระยะเวลานานในการนำพื้นที่มาปรับปรุงเพื่อให้เช่ากับลูกค้ารายใหม่

"เราเคยคิดแบบการให้เช่าพื้นที่ระยะยาวมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำเพราะก่อนหน้าต้นทุนทางการเงินบ้านเราไม่ดีเมื่อเทียบกับตอนนี้ ประกอบกับสภาวะการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ต่างประเทศมีปัญหาในการกู้เงิน แต่ผมว่าทุกอย่างมีแต่ความไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เข้าใจได้ เพราะฉะนั้นรายใหม่ที่คุยอยู่จะได้ตามเวลาที่เราตั้งไว้หรือไม่ ไม่อยากยืนยัน แต่ที่สำคัญต้องรอบคอบ"นายวีรพันธ์ กล่าว

นายวีรพันธ์ คาดว่า สถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเห็นการกลับมาเช่าพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้น หลังเห็นสัญญานการกลับมาฟื้นตัวในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น รวมทั้ง เห็นสัญญาณในธุรกิจอาหารและอุตสาหกรรมรถยนต์ที่แม้จะยังไม่ฟื้นคัวเต็มที่จากก่อนหน้าที่ขอคืนการเช่าพื้นที่จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการหยุดการผลิตประมาณ 13 ราย โดยไตรมาส 1/52 แจ้งขอคืนจำนวน 5 โรงในไตรมาส 2/52 จำนวน 7 โรงงานและในไตรมาส 3/52 อีก 1 โรงงาน ทำให้บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์จะดีขึ้นบ้างแล้ว แต่บริษัทก็คงจะยังไม่ปรับเพิ่มขนาดกองทุน TFUND เพราะบางรายยังขอประเมินสถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางด้านการเมือง โดยการเปิดขายหน่วยลงทุนใหม่ของกองทุน TFUND คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปลายไตรมาส 3-ต้นไตรมาส 4 จะเป็นจังหวะที่บรรยากาศกลับมาดี

ทั้งนี้ บริษัทจะขยายขนาดกองทุน TFUND ราว 1.2 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะขยายเป็น 2.5 พันล้านบาท โดยปัจจุบันขนาดกองทุนอยู่ที่ 8 พันล้านบาท

นายวีรพันธ์ กล่าวว่า การปรับแผนดังกล่าว ทำให้บริษัทต้องลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลงมาเหลือ 2.5 พันล้านบาทจากเดิมตั้งไว้ 3.0-3.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากค่าเช่าพื้นที่โรงงาน 800 กว่าล้านบาท รายได้จากการปันผลจากกองทุน TFUND ประมาณ 210 ล้านบาท รายได้จากการบริหารจัดการกองทุน TFUND 75-80 ล้านบาท และรายได้จากการขายสินทรัพย์ให้กองทุน TFUND ปีนี้ที่คาดไว้ 1.2 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากการขายพื้นที่โรงงานใหม่

ด้านงบลงทุนในปีนี้ก็ถือว่าลดลงจากปีที่ผ่านมาภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาท โดยจะเป็นการสร้างโรงงาน 7-8 หมื่น ตร.ม.หรือประมาณ 10 โรง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงลงทุนสร้างคลังสินค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ