บล.ดีบีเอสฯ นำ 6 บจ.ขนาดกลางโรดโชว์สิงคโปร์ปลายมิ.ย.-ต้นก.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 24, 2009 14:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย)เปิดเผยว่า เครือดีบีเอสมีแผนนำบริษัทจดทะเบียนไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์ภายใต้ชื่องาน"The Pulse of Asia"ในช่วง 30 มิ.ย.-2 ก.ค.นี้ โดยจะเป็นการนำบริษัทจดทะเบียนทั่วเอเซียที่มากกว่า 50 บริษัทเข้าร่วม

ในส่วนประเทศไทย การโรดโชว์ในครั้งนี้ได้นำบริษัทจดทะเบียนขนาดกลาง จำนวน 6 บริษัทเดินทางเข้าร่วม ประกอบด้วย บมจ.ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF),บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH), บมจ.ศุภาลัย(SPALI), บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA), บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส(IRP) และ บมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง(PSL) เนื่องจากมองว่าบริษัทขนาดกลางมีอัตราการเติบโตที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังเป็นการสื่อให้เห็นมุมมองที่แตกต่างจากบริษัทขนาดใหญ่

"จากการที่บริษัทพาบริษัทขนาดกลางไปโรดโชว์ ถือว่าสอดคล้องกับการแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ ถึงแม้ตลาดจะมีการปรับฐานบ้างโดยการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยตอนนี้ถือว่าดี เพื่อเป็นการประเมินทิศทาง และรอดูผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ซึ่งหากออกมาในทิศทางที่ดี ก็จะเป็นการให้เห็นความมั่นใจมากขึ้นต่อการลงทุน" นางภัทธีรา กล่าว

นอกเหนือจากการโรดโชว์กับทางเครือดีบีเอสแล้ว กลุ่มดีบีเอสไทย ยังจะทำโรดโชว์เอง เดิมมีแผนจะเดินทางไปที่สหรัฐฯ และ อังกฤษในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. แต่เนื่องจากมีการระบาดของไข้หวัดใหม่ 2009 จึงเลื่อนไปก่อน แต่เชื่อว่าคงเห็นการไปโรดโชว์ภายในปีนี้

นางภัทธีรา กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มธุรกิจที่เด่นมากพอที่จะดึงเม็ดเงินนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาได้มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ อย่างบ้านเรากลุ่มที่น่าจะดึงเม็ดเงินมาได้ น่าจะเป็นกลุ่มเกษตร อาหาร และบริการ หากสามารถดึงเม็ดเงินมาได้จะทำให้ตลาดหุ้นมีสีสันมากขึ้นและเป็นที่รู้จัก และยังให้มูลค่าขนาดใหญ่ขึ้นสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้

สำหรับเงินที่ไหลเข้ามาทั่วโลกที่อยู่ในเอเชีย เพราะมีศักยภาพ แต่เป็นเหมือนการปรับพอร์ต แต่ fundamental คงจะต้องรอความชัดเจนมากกว่านี้ก่อน

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นตอนนี้ อาจจะมีผลกระทบต่อต้นทุนของหลายบริษัทแต่คงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กดดันเหมือนในอดีต เพราะตอนนี้สถานภาพของบริษัทคงจะอยู่ที่ออร์เดอร์และการสร้างรายได้มากกว่า

นางภัทธีรา กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนและปรับฐาน ควรกระจายการลงทุนหุ้น พันธบัตรรัฐบาล และอนุพันธ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ