โบรกฯหนุน"ซื้อ"BEC มองต่อสัญญา MCOT ฉลุยคาดขึ้นผลปย.บ้างแต่ไม่เท่าทรูฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 25, 2009 16:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ" หุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์(BEC)มองการต่ออายุสัญญาสัมปทานกับบมจ.อสมท.(MCOT)ตามกรอบ 10 ปีต่อไป(ปี 53-63)ไม่น่ามีปัญหาเพราะถูกกำหนดชัดเจนไว้ในสัญญาอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะมีการต่อรองขอปรับขึ้นผลประโยชน์ตอบแทนบ้างตามที่ MCOT ระบุว่าที่เคยจ่ายมาต่ำเกินไป แต่ก็เชื่อว่าคงจะไม่ปรับเพิ่มถึง 6.5% เท่ากับของ True Visions จ่ายให้กับ MCOT คาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายใน 3 เดือนหรือภายในไตรมาส 3/52

นอกจากนี้ ในด้านผลประกอบการในไตรมาส 2/52 น่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/52 ประมาณ 20% ซึ่งเป็นผลจากการปรับขึ้นค่าโฆษณาบางรายการตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลราว 6-7%

ราคาหุ้นของ BEC ปรับตัวลดลง 3.0% เมื่อวานนี้ แต่ช่วงบ่ายนี้ราคา BEC ได้ปรับขึ้นมามาที่ 20.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.06% หรือ บวก 0.80 บาท โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 20.50 บาท

          โบรกเกอร์       คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เอเซียพลัส      ซื้อ           26.30
          บล.ธนชาต         ซื้อ           25.50
          บล.ดีบีเอสฯ        ซื้อ           24.50
          บล.ฟินันซ่า         ซื้อ           23.00
          บล.เคจีไอ         ซื้อ           22.50

นายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส มองว่า สัญญาสัปมทานระหว่าง BEC และ MCOT มีความชัดเจนอยู่แล้ว แม้ว่าคณะกรรมการ MCOT เตรียมตั้งคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนเข้าเจรจาขอปรับขึ้นค่าสัมปทาน BEC ช่วงต่อสัญญา 10 ปีหลัง(53-63) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าคณะกรรมการ อสมท.ทุกชุดมีความพยายามจะปรับขึ้นค่าสัมปทานกับ BEC มาโดยตลอด แต่ก็ปรับชึ้นค่อนข้างยาก เพราะต้องเป็นการตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย

"การต่อสัญญาฯ ไม่น่าจะมีปัญหา อาจจะเท่าเดิม เลวร้ายสุด MCOT อาจจะบอกว่า ช่อง 7 ซึ่งเป็นตู่แข่งช่อง 3 ยังให้กองทัพบกสูงกว่าเลย ซึ่งมองว่าขอได้อย่างมากก็อีก 70 ล้านบาท แต่ไม่รู้จะให้หรือเปล่า"นายกวี กล่าว

ดังนั้น มองว่ามีความเป็นไปได้ยากมากที่ MCOT จะสามารถปรับขึ้นค่าสัมปทานของ BEC ให้เท่ากับที่ได้รับจาก True Vision คือราวปีละ 650 ล้านบาท แต่ในกรณีเลวร้าย คือ BEC อาจตัดรำคาญ โดยให้ค่าสัมปทานเท่ากับช่อง 7 สีคือ 230 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ BEC จ่ายค่าสัมปทานเพิ่มขึ้นจากเดิมราวปีละ 70 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ Fair Value ลดลงจากเดิมเพียง 0.30 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ คาดว่าวันนี้การประชุมบอร์ด MCOT คงยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้

อนึ่ง สัญญาเดิมกำหนดค่าสัมปทาน BEC ไว้ชัดเจนคือ 157.32 ล้านบาทในปี 53 และเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% โดยผลตอบแทนรวมที่ต้องจ่ายให้ MCOT จนถึงมี.ค.63 เท่ากับ 2,040.53 ล้านบาท

แม้กระแสการขอปรับขึ้นค่าสัมปทานของ MCOT จะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาเชิงลบต่อราคาหุ้นของ BEC ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ BEC อย่างมีนัยสำคัญ

ประกอบกับ คาดว่าผลประกอบการของ BEC ในไตรมาส 2/52 จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากที่ได้ปรับกลยุทธ์ทั้งขึ้นค่าโฆษณา ได้แก่ รายการตีสิบ ปรับขึ้นค่าโฆษณา 16%, รายการสตอเบอร์รี่ชีสเค้ก ได้ปรับขึ้น 20% ทั้งนี้ มองว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/52 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากไตรมาส 1/52

นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลประมาณ 90% ของกำไรสุทธิอยู่แล้วทำให้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมีประมาณ 6-7% ต่อปี

ด้านนักวิเดราะห์ บล.เคจีไอ เชื่อว่า BEC ได้ต่อสัญญาสัมปทานกับ MCOT เหมือนเดิม แต่ในเรื่องของค่าสัมปทานก็ต้องติดตามว่าจะมีอัตราเท่าไร ภายใต้สมมติฐานที่ดีที่สุด คือการคงค่าสัมปทาน(2 พันล้านบาทใน 10 ปี)หรืออาจมีโอกาสปรับขึ้นบ้าง โดยหากค่าสัมปทานเพิ่มขึ้นทุกๆ 10% ที่จัดเก็บ จะกระทบกำไรของ BEC เพียง 0.4%

และหากทาง MCOT ไม่ให้ต่อสัญญาคงไม่เกิดขึ้น เพราะจะทำให้เสียประโยชน์ทั้งคู่ โดย MCOT ก็จะเสียรายได้สัมปทาน และคลื่นที่จัดสรรให้กับ BEC ก็ไม่สามารถจัดสรรให้รายอื่นไม่ได้ ส่วนทาง BEC ก็ดำเนินธุรกิจไม่ได้เหมือนกัน และกว่าจะรอใบอนุญาตคลื่นใหม่ซึ่งคงใช้เวลาอีกนาน ดังนั้นมองว่าเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานน่าจะจบได้ภายใน 3 เดือน

"ในไตรมาส 3 น่าจะเห็นความชัดเจนขึ้น เพราะสัญญาจะหมดลงในปีหน้าไตรมาสหนึ่ง...คาดหวังว่า การประชุมบอร์ด อสมท.วันนี้น่าจะได้ความชัดเจน ยิ่งถ้าอะไรยังไม่เคลียร์ ยิ่งเป็นตัวกดดันราคาหุ้น" นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้คิดว่าค่าสัมปทานใหม่ของ BEC คงไม่สรุปที่อัตราสูง 6.5% ของรายได้เท่ากับของ True Visions เพราะสัญญาสัมปทานระหว่าง BEC และ MCOT เป็นสัญญาสัมปทานแบบ สร้าง-โอน-ดำเนินการ (Build-Transfer-Operate:BTO) ซึ่ง BEC ต้องลงทุนในการสถานีและต้องโอนสินทรัพย์ดังกล่าวให้แก่ MCOT เพื่อแลกกับสิทธิในการดำเนินการจนกว่าสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุด ในขณะที่ True Visions ดำเนินธุรกิจภายใต้โครงสร้างพื้นฐานของ MCOT และไม่มีการลงทุนเพิ่มเติม

ส่วนบล.ฟินันซ่า มองว่าประเด็นกดดันราคาหุ้น BEC ที่ MCOT ต้องการเรียกเก็บเพิ่ม จากที่ BEC จะจ่าย2,002 ลบ. หรือคิดเป็น 200 ลบ.ต่อปี หรือราว 2-2.5%ของรายค่าโฆษณา แต่กรณีที่เลวร้ายที่สุด อสมท.น่าจะเรียกเก็บค่าสัมปทานใหม่จากช่อง 3 ให้เท่ากับอัตราที่คิดจากทรูวิชั่นส์หรือ 650 ลบ.ต่อปี หรือราว 7-8% ของรายได้โฆษณา จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิให้ลดลงราว 10-15%

ถึงแม้สัญญาสัมปทาน BEC จะไม่เป็นธรรมต่อ MCOT จริง แต่ก็เป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญากันตั้งแต่ปี 32 ระบุว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาในปี 53 หาก BEC ไม่ผิดสัญญาก็สามารถต่ออายุสัญญาได้อัตโนมัติไปอีก 10 ปี โดยกำหนดค่าตอบแทนไม่น้อยกว่า 2,002 ล้านบาท แบ่งจ่ายรายปี ซึ่งประเด็นดังกล่าวถูกระบุในรายงานประจำปีของ MCOT ชัดเจน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ