AOT บวก 4.76% โบรกฯแนะ"ซื้อ"ปีนี้รับค่าชดเชยใช้พ.ท.เกินของ King Power

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 26, 2009 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น AOT ราคาวิ่งขึ้น 4.76% มาอยู่ที่ 27.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 41.27 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.16 น. โดยเปิดตลาดที่ 26.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 27.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 26.75 บาท

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)ในปีนี้ AOT จะได้รับค่าชดเชยย้อนหลังจากการที่ King Power ใช้พื้นที่เกินจากสัญญาในช่วงเดือนต.ค.06 จนถึง เดือนธ.ค.08โดยค่าชดเชยย้อนหลังมีจำนวนทั้งหมด 1.3 พันลบ (เป็นเงินสด) แต่จะปรากฏในงบกำไรขาดทุนของ AOT ในเทอมของรายได้พิเศษเพียง 240 ลบ. เท่านั้น เนื่องจากAOT ได้บันทึกค่าชดเชยบางส่วนไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา King Power ใช้พื้นที่ค้าปลีกเกินจากสัญญาราว 14% พื้นที่เช่าทั้งหมดตามสัญญา (ร้านค้าปลอดภาษี + ร้านค้าปลีก) มีขนาด 25,496 ตร.ม. เทียบกับพื้นที่ที่ King Power ใช้จริง 29,105 ตร.ม. ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ จะเป็นรายได้พิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งคิดเป็น 0.93บาท/หุ้น และคาดว่าจะบันทึกรายได้พิเศษ 240 ลบ. ในช่วง 4QFY09 (ก.ค.-ก.ย.)

พื้นที่เกินจากสัญญาเช่า ส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของร้านค้าปลอดภาษี ซึ่ง King Power ใช้พื้นที่ไปทั้งหมดราว 10,082 ตร.ม. เทียบกับพื้นที่ตามสัญญาปัจจุบันที่ 5,496 ตร.ม.ซึ่ง King Power จะต้องจ่ายให้ AOT ในอัตราส่วน 15-20% ของรายได้ หรือ minimum guarantee ซึ่งแล้วแต่ว่าแบบไหนจะสูงกว่ากัน การคำนวณพื้นที่ที่เกินจากสัญญา minimum guarantee จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าส่วนแบ่งรายได้ 15% ราว 70% อย่างไรก็ตามเราจะยังไม่รวมรายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ในประมาณการของเราในตอนนี้ เนื่องจาก เรามองว่าเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเกินไป หาก King Power จ่าย minimum guarantee ในอัตราที่สูงขึ้น โดยไม่มีการเจรจาต่อรองใหม่กับ AOT เลย

AOT ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick เนื่องจากสร้างเงินสดได้ดี และได้รับประโยชน์จาก operating leverage ขณะที่มีมูลค่าถูก ซื้อขายที่ระดับ P/EBITDA เพียง3.3 เท่า ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารสำหรับปี FY10ขึ้นมาอยู่ที่ 12.3% จาก 8.6% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกที่ดีขึ้น ในช่วง 8MFY09 จำนวนผู้โดยสารของ AOT ลดลง 19.5% และเมื่อรวมกับรายได้พิเศษจำนวน 240 ลบ. ดังนั้นจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นราว 11-28% ในปี 2009-11 ซึ่งส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 38 บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมายเดิมที่ 30 บาท/หุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ