ZMICO บวก 5.71% โบรกฯแนะ"ซื้อ"มาร์เก็ตแชร์ Q2/52 โตก้าวกระโดด 6.8%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 29, 2009 10:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น ZMICO ราคาวิ่งขึ้น 5.71% มาอยู่ที่ 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.92 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.44 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.14 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.22 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.14 บาท

Fund Survey บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บล.เคที ซีมิโก้(KTZ/ZMICO)ให้ราคาเป้าหมาย 3.62 บาท การควบรวมกับ KTBS จะส่งผลให้บริษัทถือหุ้นใน KT-ZMICO 49.5% แต่สิ่งที่บริษัทจะได้รับเป็นการตอบแทนคือ การเสริมความแกร่งด้านเงินทุนรองรับต่อวิกฤตที่อาจจะมีขึ้นในอนาคตจาก KTB, ส่วนแบ่งการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นจากเครือข่ายสาขาของธนาคาร, นโยบายการเกื้อกูลรายได้กันในกลุ่มซึ่งคาดว่า บลจ.กรุงไทย, กรุงไทยแอ็กซ่า ประกันชีวิต, กรุงไทยพาณิชประกันภัย และทิพยประกันภัย จะกลายเป็นลูกค้าหลักของบริษัท ซึ่งก่อนหน้า ZMICO อาจไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และลูกค้าวาณิชธนกิจจากเครือข่ายวายุภักษ์ ทั้งนี้หลังควบรวมใน 2Q09 KTZ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.8% ซึ่งถือว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดด เทียบกับส่วนแบ่งใน 2Q08 ของ 2 บริษัทก่อนรวมอยู่ที่ 5.7%

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน 2Q09 ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ 2.18 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 147%QoQ และ 7%YoY ส่งผลให้รายได้จากค่านายหน้าซื้อขายของ บล.เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดีหากพิจารณาเฉพาะ 16 บล.ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะพบว่ามูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดรวม โดยเพิ่มขึ้น 158%QoQ และ 17%YoY

ในจำนวน 16 บล. มีอยู่ 6 บล.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และมีเพียง 2 บล.ที่ปรับตัวดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 16 นั่นก็คือ KT-ZMICO (+157%QoQ, +29%YoY) และ Finansa (+173%QoQ, +25%YoY)

ณ.สิ้น 1Q09 มูลค่าตามบัญชีของบริษัทอยู่ที่ 2.94 บาท/หุ้น และในจำนวนนี้คิดเป็นเงินสด และเงินลงทุนที่มีสภาพใกล้เคียงเงินสด 994 ล้านบาท หรือ 1.2 บาท/หุ้น และเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 2.1 บาท เท่ากับว่าบริษัทซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.7 เท่า เทียบกับกลุ่มซึ่งซื้อขายเฉลี่ยที่ 0.85 เท่า และหากพิจารณาถึง P/BV ที่ตลาดให้กับ บล.ที่จดทะเบียน 8 แห่ง ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขาย 10 อันดับแรกใน 2Q09 แล้วจะพบ P/BV ของ 8 บล.เฉลี่ยอยู่ที่ 1.23 เท่า หรือเท่ากับว่า ZMICO ยังซื้อขายต่ำกว่าเพื่อนๆในกลุ่มถึง 42% ซึ่งไม่สมเหตุสมผลกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท, การเติบโตของผลกำไร และการประหยัดต่อขนาด



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ