บล.ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาการเงินของ บมจ. สยามอุตสาหกรรมการเกษตร สับปะรดและอื่น ๆ (SAICO) สรุปความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยควรตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการจาก บมจ.อุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋องไทย (TPC) จำนวนหุ้นสามัญ 30,474,913 หุ้น คิดเป็น 15.24% ราคาที่จะเสนอซื้อต่อหน่วย 2.55 บาท มูลค่าที่เสนอซื้อ 77,711,028 บาท ดังนี้
เนื่องจากราคาเสนอซื้อที่ 2.55 บาท เป็นมูลค่าที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่เหมาะสมระหว่าง 2.06 บาท ถึง 2.54 บาท ซึ่งประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินและไม่ขัดหลักเกณฑ์ในการทำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนกิจการตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ.53/2545 ข้อ 58 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ ในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
ทั้งนี้ช่วงมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งทางที่ปรึกษาของทางการเงินประเมินในครั้งนี้อ้างอิงจากข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้อง งบการเงินของบริษัทฯ และข้อมูลอื่นๆที่ได้รับจากบริษัทฯ รวมถึงข้อมูลบริษัทฯ ที่ประกอบธุรกิจที่สามารถเทียบเคียงกันได้จากตลาดหลักทรัพย์และข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป
นอกจากนี้การประเมินดังกล่าวข้างต้นอยู่บนสมมติฐานภายใต้นโยบายการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน หากมีการปรับโครงสร้างของกิจการโดยการควบรวมกิจการกับ TPC ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ และเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อ ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตสับปะรดกระป๋องและน้ำสับปะรดเข้มข้นเพื่อส่งออกเหมือนกับบริษัทฯ มูลค่าหุ้นดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งแนวทางการควบรวมกันของกิจการ แผนการดำเนินงานรวมทั้งผลประโยชน์ร่วมกันจากการรวมกิจการ TPC ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนในแบบ 247-4 โดยแผนการควบรวมกันของบริษัทฯ กับ TPC อาจเกิดขึ้นได้ภายใน 12 เดือนภายหลังจากสิ้นสุดการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์
นอกจากราคาเสนอซื้อที่เหมาะสมแล้วที่ปรึกษาทางการเงินมีความเห็นสนับสนุนว่าผู้ถือหุ้นควรตอบรับคำเสนอซื้อในครั้งนี้ หลังผู้ทำคำเสนอซื้อมีเจตนาที่จะเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 60 วันนับจากสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอซื้อหุ้น และอยู่ระหว่างการเตรียมแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างภายในของบริษัทฯ ภายหลังการเข้าครอบงำกิจการ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้านการจัดการภายใน และแนวทางต่างๆ ที่ดำเนินการได้ซึ่งแผนงานดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้นโยบายและแผนงานของกิจการในแต่ละด้านที่คาดว่าจะดำเนินการภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อ
อย่างไรก็ตาม ผู้ทำคำเสนอซื้อไม่มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผล ไม่มีนโยบายที่จะขายทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการได้ตามความเหมาะสมหลังจากการจัดทำแผนงาน แล้วเสร็จและกิจการออกจากการเป็นบริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว แต่ยังไม่มีแผนงานที่จะขายหรือโอนหุ้นของกิจการหรือโอนหุ้นของกิจการที่มีอยู่ก่อนทำคำเสนอซื้อและที่จะรับซื้อจากการทำคำเสนอซื้อในครั้งนี้ ในจำนวนที่มีนัยสำคัญในช่วงระยะเวลา 12 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นสุดระยะเวลารับซื้อ
นอกจากนี้ อาจมีการควบรวมงานด้านการผลิตเข้ามาไว้ในบริษัทฯ รวมฝ่ายบริหารและการตลาดของทั้งผู้ทำคำเสนอซื้อและบริษัทฯเข้าด้วยกันเปลี่ยนระบบบัญชีและสารสนเทศ (IT) ของบริษัทฯ ให้เป็นระบบเดียวกันกับผู้ทำคำเสนอซื้อ, ปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมกับการปรับโครงสร้างองค์กร และแผนการควบรวมการดำเนินธุรกิจ โดยอาจมีการกู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในการดำเนินงาน รวมถึงจะมีความช่วยเหลือทางด้านการเงินในรูปแบบต่างๆจากผู้ทำคำเสนอซื้อให้กิจการเพิ่มมากขึ้น