นายปริน ชนันทรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอปโซลูท อิมแพค(AIM)กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีผู้สนใจเจรจามาเป็นพันธมิตรบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 5 ราย โดยเป็นต่างประเทศ 3 ราย และในประเทศ 2 ราย จากเดิมเจรจาอยู่ 1-2 ราย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้แน่นอน
ส่วนรูปแบบการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรขึ้นอยู่กับบสถานการณ์โดยรวมและความต้องการของทั้งสองฝ่ายที่จะต้องมีจุดประสงค์ในการเอื้อธุรกิจกันได้ เบื้องต้นรูปแบบมีหลายแนวทาง ได้แก่ การเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน หรือ การควบรวมกิจการ
"เป็นปกติการประกอบธุรกิจสื่อในรูปแบบใหม่ๆ การหาพันธมิตรจะทำให้เรามีขนาดใหญ่และฐานทุนที่แข็งแกร่ง แต่อยู่ที่ว่าเราต้องการส่วนไหนมากกว่ากัน ซึ่งเราจะต้องตอบโจทย์ ส่วนการตัดสินใจนั้นเรายังอยู่ระหว่างประเมิน...บริษัทคาดว่าจะเลือกเพียงรายเดียว หรืออาจไม่จำเป็นต้องมีพันธมิตร"นายปริน กล่าว
ส่วนราคาหุ้นที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นายปริน มองว่า นักลงทุนเห็นการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและต่อเนื่อง แต่ยืนยันว่าไม่มีการควบรวมกับ บมจ.อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น (ADAM) เด็ดขาด
อย่างไรกีตาม บริษัทได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 1,400 ล้านหน่วย เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท โดยบริษัทคาดว่าจะได้เงินจากการแปลงสิทธิ จำนวน 280 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ยิ่งทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและสามารถแข่งขันกับสื่ออื่นได้ด้วย
ในวันนี้บริษัทเปิดตัวสื่อรูปแบบใหม่ หรือ In-Store Media ชื่อ "Play @!"เป็นสื่อแบบอินเทอร์แอคทีฟ ด้วยจอแบบทัชสกรีนที่สามารถตอบโต้กับผู้บริโภคได้ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าเจ้าของสินค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าที่โฆษณาผ่านสื่อดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด โดยคาดว่าสื่อดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต
เบื้องต้นบริษัทจะใช้เงินลงทุน 5-10 ล้านบาท และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทนได้ภายะในระยะเวลา 1-2 ปี โดยจะเปิดตลาดในประเทศไทยเน้นการจัดจำหน่ายแบบแพคเกจให้กับสินค้าในกลุ่ม In-store Media ที่มีอยู่เดิมในลักษณะการขายจอเพื่อติดตั้งในศูนย์การค้าและ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และยังจะเข้าสู่กลุ่มลูกค้าที่จัดงานอีเว้นท์ต่างๆ
AIM ถือเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ทำตลาด "Play @!" จากบริษัท EyeClick ประเทศอิสราเอล
นายปริน กล่าวว่า การขยายสื่อดังกล่าวเพิ่มขึ้นจะสนับสนุนรายได้ให้เติบโตขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำรายได้ 220.33 ล้านบาท โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวและปัจจัยทางการเมืองยังไม่นิ่งเนื่อว่า ธุรกิจของบริษัทยังมีความต้องการเพราะจับกลุ่มลูกค้าประเภทคอนซูเมอร์โปรดักส์ซึ่งยังจำเป็นต้องใช้สื่อเพื่อเช้าถึงกลุ่มลูกค้า อีกทั้งยังมีราคาต่ำกว่าสื่ออื่น
"มั่นใจว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ ยังผลักดันรายได้ให้ขยายตัวปีละ 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ " นายปริน กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีจำนวนจุดติดตั้งจอภาพเพื่อเผยแพร่สื่อโฆษณาทั้งหมด 890 จอ
นายปริน กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเจาะธุรกิจทีวีดาวเทียม เพื่อต่อยอดธุรกิจ ซึ่งลักษณะจะเป็นรูปแบบ Content Provider โดยคาดจะเห็นได้ในช่วงไตรมาส 3 /52 ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 20-30 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มพูดคุยกับลูกค้าบางรายให้เป็นสปอนเซอร์ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวจะทำให้แผนการเติบโตของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย ที่รายได้ขยายตัว 30%ต่อปี