ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายร่วงลงกว่า 2% ตามการเทขายหุ้นในกลุ่มนำตลาดทั้งพลังงานและแบงก์ใหญ่บางตัว ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียทั้งฮ่องกงและญี่ปุ่นปิดในแดนลบ
เมื่อเวลา 15.16 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 585.42 จุด ลดลง 12.06 จุด (-2.02%)
นายพงษ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ทรุดลงมาจากขณะนี้ทั่วโลกยังมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่พอควร เพราะมีลุ้นว่าโอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ช้าหรือไม่ได้อย่างที่คาดมีค่อนข้างสูง ในตัวหุ้นแต่ละตัวก็มองเรื่องของการฟื้นตัวแบบมีภาวะเงินเฟ้อเข้าไปค่อนข้างจะมาก โดยเฉพาะในราคาหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ จะเห็นว่าถ้าความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น ก็จะมีปัญหา
ประกอบกับ ในประเทศเศรษฐกิจอาจจะฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ และการไหลเข้าเม็ดเงินของต่างชาติยังมีไม่มาก แต่ไหลเข้า-ออกของของเม็ดเงินลงทุนของกองทุนสามารถที่จะเข้าออกได้เร็ว จะเห็นว่าพอมีปัญหาเรื่องความหวาดกลัวหรือความวิตกในเรื่องการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกผ่านมาทางตัวสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งน้ำหนักในตลาดบ้านเราค่อนข้างสูง ก็จะเกิดสภาพการเทขายออกมา และจะยังคงเห็นสภาพแบบนี้ต่อไปอีก
สำหรับกลุ่มหลักที่ปรับลงในวันนี้เป็นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และปิโตรเคมีที่ได้รับผลกระทบเพราะความเหวี่ยงหรือความกังวลเกิดจากภายนอกเป็นส่วนใหญ่ บ้านเราก็ถือว่าไม่ได้เลวแต่ก็ไม่ได้ถือว่าดี คือแย่น้อยกว่าความกังวลที่เกิดจากความคาดหวังปัจจัยภายนอก จึงเห็นหุ้นบลูชิพที่นำโดยกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ชและปิโตรเคมีจะถูกขายหนัก
โดยเฉพาะปิโตรเคมีมีปัจจัยเรื่องราคาหุ้นขึ้นมากและสเปรดของปิโตรเคมีจะถูกกดดันหากเศรษฐกิจโลกไปไม่ไกลอุปสงค์ก็อาจจะฝืดๆ ลงและอุปทานหลายๆ ส่วนไปโดนการเก็งกำไรน้ำมันทำให้ต้นทุนสูง
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.35 น.ดัชนีอยู่ที่ 585.11 จุด ลดลง 12.37 จุด (-2.07%)