โบรกเกอร์คาดตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/52 เข้าสู่ช่วงปรับฐาน ซึ่งดัชนีมีโอกาสไหลลงไปจากนี้ ก่อนที่จะปรับตัวมาสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายไตรมาส หรือราวเดือนก.ย.และไตรมาส 4/52 ไปจนถึงช่วงต้นปี 53 จากเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุน แนะใช้โอกาสทยอยซื้อเก็บหุ้นกลุ่มพลังงาน-สื่อสาร-แบงก์
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนา"ชี้ช่องลงทุนเมื่อหุ้นปรับฐาน" โดยประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับฐานและปรับเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่หลายโบรกเกอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการปรับเพิ่มในเดือน ต.ค.ซึ่งตลาดหุ้นไทยน่าจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นยาวไปถึง january effect ช่วงต้นปี 53
อย่างไรก็ตามในระยะสั้นให้นัลงทุนลดการลงทุนในหุ้นเหลือ 20-30% ของพอร์ตลงทุน แต่ช่วงนี้นักลงทุนสามารถทยอยซื้อสะสมหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทยที่คาดว่าจะได้รับผลดดีจากการกู้ยืมเงินของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำจากการให้กู้ยืม และอัตราการเติบโตของสินเชื่อคาดว่าโตถึง 10% ในปี 53
และยังคงมองการลงทุนเหมือนโบรกเกอร์อื่น เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงานและกลุ่มส่งออกที่คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกในช่วง พ.ย.-ธ.ค.นี้
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงปรับฐาน โดยหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นในเดือน ส.ค. และอาจมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าในช่วง ต.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐจะเรียกคืนหนี้จากสถาบันการเงินซึ่งอาจจะส่งผลต่อสถานะสถาบันการเงินและจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอีกรอบหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่จากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านมามักมีระลอกสอง
หุ้นที่น่าสนใจยังคงเป็นกลุ่มสื่อสาร วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะ DCC ที่มีการจ่ายปันผลสูงด้วย SCC ยังน่าสนใจ ส่งออก ยานยนต์ อิเลคโทรนิกส์ ยังเล่นได้ แต่ต้องเลือกเล่นบางตัว
ส่วนนางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ช่วงนี้การที่ตลาดหุ้นไทยปรับฐาน นักลงทุนที่ได้กำไรรอบนี้ต้องทยอยสะสมหุ้น โดยมองว่าตลาดจะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4/52 ซึ่งจะมีเม็ดเงินไหลเข้า รวมทั้งปี 53 อาจจะมีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้มีโอกาสที่นักลงทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนรอบใหม่ได้ และระยะกลางถึงยาวค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมีทิศทางอ่อนค่า ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสองต่อ
"ระยะสั้นแนะนำให้นักลงทุนเทรดดิ้ง เพราะตลาดพักฐานต้องทำกำไรช่วงสั้น อาทิ หุ้นสื่อสารที่เล่นข่าว 3 จี หรือพลังงานที่มักอิงกับราคาน้ำมัน อสังหาริมทรัพย์ ที่ได้รับผลดีจากเมกกะโปรเจ็กต์ อย่าง QH AP ส่งออกที่กำลังกลับมาดี อย่าง CPF TUF DELTA และSVI"นางสาวจิตรา กล่าว
ขณะที่นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/52 มีโอกาสที่จะปรับฐาน หลังจากดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 638 จุด พี/อีขึ้นไปสูงถึง 21 เท่า โดยดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวลงไปอยู่ที่ระดับ 514 จุด บนสมมุติฐานที่นักลงทุนต่างชาติมีการเทขายสุทธิ 2 พันล้านบาทต่อเดือน
คาดว่าตลาดหุ้นจะใช้เวลาปรับฐานประมาณ 4 เดือน และไตรมาส 4/52 น่าจะมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยจะมีปัจจัยบวกด้านงบประมาณการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยว และส่งออกเริ่มกลับมาดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้งปี 52 เศรษฐกิจไทยยังคงติดลบประมาณ 3%