ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ฟื้นตัวรวดเร็วเหมือนที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่าภาคเอกชนจะรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ ในฤดูการรายงานผลประกอบการของภาคเอกชนที่จะเริ่มต้นในสัปดาห์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 161.27 จุด หรือ 1.94% แตะที่ 8,163.60 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 17.69 จุด หรือ 1.97% แตะที่ 881.03 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 41.23 จุด หรือ 2.31% แตะที่ 1,746.17 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.11 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.04 พันล้านหุ้น
คาร์ล เบ็ค นักวิเคราะห์จากบริษัท แฮร์ริส ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า หุ้นกลุ่มพลังงานถูกแรงขายกระหน่ำลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 5 วันทำการ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย
วอลุ่มการซื้อขายบางเบามากเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพลังงานจะปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยยอดชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนก.ค.
หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรหนักสำหรับการก่อสร้างและเหมืองแร่ ดิ่งลง 4.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงถ้วนหน้า หลังจากสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง 1.12 ดอลลาร์ แตะที่ 62.93 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ปิดร่วง 2.3% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ปิดร่วง 2.1%