ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกไม่มากนักเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงอย่างหนักได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มโลหะร่วงลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดากรณ์เศรษฐกิจโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 14.81 จุด หรือ 0.18% แตะที่ 8,178.41 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 1.47 จุด หรือ 0.17% แตะที่ 879.56 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.00 จุด หรือ 0.06% แตะที่ 1,747.17 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.44 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.52 พันล้านหุ้น
เอเวอร์รี เชนฟิลด์ นักวิเคราะห์จาก CIBC World Markets กล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่า ปัจจัยที่ทำให้ดาวโจนส์ปิดบวกมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าบริษัทสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส แต่ดาวโจนส์ก็ปิดบวกไม่มากนักเนื่องจากจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงอย่างหนักได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มโลหะร่วงลงด้วย โดยดัชนี S&P สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 0.1% ในขณะที่หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.4% หุ้นบริษัทยูเอส สตีล คอร์ปดิ่งลง 3.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงตามราคาโลหะ
บริษัทอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทอะลูมิเนียมยักษ์ใหญ่ได้รายงานยอดขาดทุนที่ต่ำกว่าที่คาด ซึ่งช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้นว่าภาคเอกชนจะรายงานผลประกอบการที่สดใส โดยหุ้นอัลโค พุ่งขึ้น 7 % สู่ 10.07 ดอลลาร์หลังจากตลาดปิดทำการ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ไอเอ็มเอฟคาดากรณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 1.4% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 1.3% และคาดว่าเศรษบกิจโลกจะเริ่มขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 2.5% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 1.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยยอดชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ค.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนก.ค.