SC เตรียมออกหุ้นกู้ 1-1.5 พันลบ.ครึ่งปีหลัง คาดผุดอาคารสนง.ใหม่ในปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 9, 2009 09:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC)เผยมีแผนออกหุ้นกู้ 1-1.5 พันล้านบาทครึ่งปีหลังเพื่อใช้เป็นทุนรองรับโครงการใหม่ หลังเห็นสัญญาณธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวจากยอดขายในไตรมาส 2/52 สูงกว่าไตรมาสแรก เตรียมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อีก 6 แห่งเน้นบ้านพักอาศัยและคอนโดมิเนียน ส่วนโครงการอาคารสำนักงานใหม่เริ่มปีหน้าคาดใช้เงินลงทุนอย่างน้อย 1 พันล้านบาท

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน SC เปิดเผยกับ" อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 1.0-1.5 พันล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มวงเงินในการรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต ทั้งโครงการแนวราบ แนวสูง และอาคารสำนักงาน

การเสนอขายหุ้นกู้ถือเป็นการระดมเงินนอกเหนือจากเม็ดเงินจากสถาบันการเงินที่บริษัทยังมีวงเงินที่ยังสามารถเบิกออกมาใช้ได้อีกประมาณ 2 พันล้านบาท โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินสภาพตลาดทั้งในแง่สภาพคล่องและผลตอบแทนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมอีกครั้ง

*มั่นใจเดินหน้าลุยเปิดอีก 6-7 โครงการใหม่หลังเห็นแนวโน้ม Q2 เติบโตดี

นายอรรถพล กล่าวว่า หลังจากเห็นทิศทางผลประกอบการที่ดีขึ้นในไตรมาส 2/52 ทำให้บริษัทมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 6-7 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่าราว 6-7 พันล้านบาท จากแผนทั้งปีจะเปิด 9 โครงการ รวมกว่า 6 พันล้านบาท จากก่อนหน้าที่บริษัทมีความกังวลและรอประเมินสถานการณ์โดยรวม และพบว่ายอดขายกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะในเดือน พ.ค —มิ.ย.

"แม้ตอนนี้เราจะเริ่มเห็นสัญญานการกลับมาของผู้บริโภคที่ดีขึ้นแต่เราก็ไม่อยากประมาท ยอมรับว่าก่อนหน้าที่เราห่วงมากจนทำให้เราลังเลในการเปิดโครงการใหม่ว่าอาจจะชะลอออกไปจากผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวและการเมือง แต่พอตอนนี้ผมว่าบรรยากาศใช้ได้ทุกอย่างเริ่มนิ่งและยังมีปัจจัยหนุน ภาระดอกเบี้ยที่น้อยลง การออกเคมเปญของผู้ประกอบการเองก็มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแม้ทุกอย่างจะดีขึ้น แต่เราขอตั้งยอดรับรู้รายได้ปีนี้ไว้เหมือนเดิม ถ้าได้มากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นโบนัส"นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดขายและรายได้ในไตรมาส 2/52 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 ที่มียอดขาย 628 ล้านบาท รายได้รวม 694 ล้านบาท และเชื่อว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จากที่บริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก ขณะที่มียอดขายรอโอน(backlog)แล้วราว 2 พันล้านบาทที่จะทยอยรับรู้ปีนี้ประมาณ 400-500 ล้านบาท ที่เหลือรับรู้ฯในปี 53

อนึ่ง ปีนี้บริษัทยังคงเป้ายอดรับรู้รายได้ที่ 4 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน เพราะเป็นการตั้งเป้าภายใต้ระมัดระวัง ขณะเดียวกันจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(GP)ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงปีก่อนที่ 33-34%

นายอรรภพล กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรกบริษัทเปิดโครงการไปแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ “แกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา" และโครงการ ออฟฟิศ เพลส ประชาชื่น

ส่วนครึ่งปีหลังนั้นจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ มีทั้งบ้านเดี่ยว 2 ชั้นและ 3 ชั้น โดยในบ้านเดี่ยว 3 ชั้นบริษัทมีการปรับแผนด้วยการปรับลดขนาดพื้นที่แต่ละหลังเหลือเพียง 50-60 ตารางวา เมื่อเทียบกับโครงการที่เปิดขายไปแล้ว คือ"แกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด รัชดา-รามอินทรา"ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นที่มีพื้นที่ 80 ตารางวา เนื่องจากบริษัทต้องการขยายฐานลูกค้า โดยจะกำหนดราคาขายลดลงมาที่หลังละ 10 ล้านบาท จากเดิมที่เคยขายราคาหลังละ 15 ล้านบาทขึ้นไป

ประกอบกับ การสำรวจความต้องการลูกค้าที่เข้ามาดูโครงการก็พบว่าบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทยังมีความต้องการอยู่มากพอสมควร โดยคาดว่าโครงการบ้านเดี่ยวที่ปรับขนาดพื้นที่ลดลงนั้นจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4/52

นอกจากนั้น ยังมีโครงการทาวน์โฮม-โฮมออฟฟิศ และ โครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งในส่วนโครงการคอนโดมิเนียมจะเปิดขายช่วงปลายไตรมาส 3/52 ถึงต้นไตรมาส 4/52 ย่านพหลโยธิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าโครงการ คาดว่าจะมีระดับราคาค่อนข้างสูง เพราะปัจจุบันราคาที่ดินในย่านดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% จากเดิมที่ 2.0-2.5 แสนบาท/ตารางวา จากการประเมินสถานการณ์ยอดขายใกล้เคียงปี 51

ด้านโครงการที่กำลังเปิดขายในขณะนี้ ได้แก่ "เอสซี คอมมูนิตี้ เพชรเกษม 81"มูลค่า 1.2 พันล้านบาท,ทั้งบ้านเดี่ยวแบรนด์"ไลฟ์ บางกอก บูเลอวาร์ด" ที่เปิดขายตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา คาดว่าจะปิดการขายได้ในไตรมาส 3/52 ส่วนโครงการทาวน์โฮม"วิสต้า อเวนิว"คาดว่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายในปลายปีนี้เช่นกัน

*เลื่อนผุดโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งใหม่ในปีหน้า

นายอรรถพล กล่าวว่า ในส่วนการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานแห่งใหม่คาดว่าจะเลื่อนไปเป็นปีหน้า จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเห็นในครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากในการประเมินสถานการณ์และพูดคุยกับลูกค้าที่เช่าอาคาร พบว่าส่วนใหญ่ยังไม่คิดที่จะขยายหรือย้ายออฟฟิศภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ เพราะจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะบริษัทมีที่ดินที่พร้อมจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานอยู่แล้วในย่านพหลโยธินประมาณ 2 ไร่ ระหว่างนี้ก็เตรียมศึกษารูปแบบไปเรื่อยๆก่อนเพื่อให้ออกมาเหมาะสมที่สุด แต่เบื้องต้นได้ประเมินเม็ดเงินลงทุนไว้แล้วประมาณ 1 พันล้านบาท คาดว่าจะมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 2-3 หมื่นตารางเมตร ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้และการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ จากก่อนหน้านี้ที่บริษัทใช้ตั๋วบี/อี ในการระดมเงินทุน

นายอรรถพล เชื่อว่า ต่อไปจากนี้จะเห็นแนวโน้มการย้ายออฟฟิศออกจากย่านใจกลางเมืองทั้งสุขุมวิทและสีลมไปอยู่โซนอื่น ๆ มากขึ้น เนื่องจากค่าเช่าออฟฟิศย่านใจกลางเมืองมีระดับราคาที่สูง ประกอบกับบริษัทส่วนใหญ่ต้องการปรับลดค่าใช้จ่ายภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ดังนั้น ในขั้นแรกคงจะเห็นการลดต้นทุนด้วยการลดพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำเป็นก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ