NKI หวัง"นิปปอนฯ"ส่งเบี้ยประกันเพิ่ม 60-70 ลบ.ใน 1 ปีหลังร่วมมือกัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 9, 2009 10:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.นวกิจประกันภัย(NKI)คาดว่าการเข้ามาร่วมธุรกิจของบริษัท นิปปอน โคอะ อินชัวรันส์ จำกัด จากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่จะทำให้ในช่วง 1 ปีหลังจากที่มีความร่วมมือบริษัทจะมีเบี้ยประกันภัยใหม่จากธุรกิจของนิปปอน โคอะฯ เพิ่มขึ้น 60-70 ล้านบาท จากเดิมที่มี 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันในปีนี้ที่ 5% จากปีก่อนที่มี 1,850 ล้านบาท เตรียมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ประกันภัย product liability ลงชิงส่วนแบ่ง

นายปิติพงศ์ พิศาลบุตร กรรมการผู้อำนวยการ NKI เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การที่ นิปปอน โคอะฯ เข้ามาถือหุ้น 10% ในNKI น่าจะเป็นการลงทุนระยะยาว(Long term)เพราะประเทศไทยยังมีศักยภาพที่ดี อีกทั้งการเข้ามาลงทุนของ นิปปอน โคอะฯ ยังเป็นการรองรับลูกค้าชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยได้อีกด้วย

"คิดว่าเขาคงจะลงทุนในลักษณะ Long term นะครับ เพราะประเทศไทยยังมีศักยภาพที่ดีในการที่จะเข้ามาลงทุน และรองรับลูกค้าชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศ ประเทศไทยยังมีศักยภาพแต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง"นายปิติพงศ์ กล่าว

บริษัท นิปปอน โคอะ อินชัวรันส์ จำกัด เป็นบริษัทประกันวินาศภัยรายใหญ่ติดอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เข้ามาซื้อหุ้น NKI เมื่อ 30 มี.ค.52 จำนวน 3 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 10% ในราคาหุ้นละ 70 บาท กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 รองจากตระกูลหวั่งหลี ที่ถือหุ้น 40% ขณะที่บริษัท สยามกลการ จำกัด ถือหุ้น 5% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นโดยนักลงทุนรายย่อยทั่วไป

นายปิติพงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ คาดหวังว่าความร่วมมือในระยะแรกน่าจะทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมองว่าภายใน 2 ปีเบี้ยประกันน่าจะเพิ่มขึ้นอีกชัดเจน ซึ่งธุรกิจของส่วนใหญ่ของนิปปอนฯ จะเป็นการทำประกันทรัพย์สินและประกันรถยนต์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ก็อาจจะเหนื่อยเล็กน้อย เพราะหลายโรงงานก็ปิดกันไปเป็นจำนวนมาก

"ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าต้องใช้เวลาพอสมควร ไม่ใช่ว่ากรมธรรม์มันหมดอายุพร้อมกัน ก็ต้องทยอยที่จะหมดอายุ เราก็หวังว่าภายใน 1 ปีหลังจากที่เข้ามา join เนี่ย เบี้ยประกันภัยอย่างน้อยน่าจะได้ประมาณ 60-70 ล้านบาท งานใหม่นะ ปัจจุบันนี้มีอยู่ประมาณ 40 ล้านบาท ภายใน 2 ปีก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีก เพียงแต่คงจะต้องใช้เวลา"นายปิติพงศ์ กล่าว

ส่วนในอนาคตจะมีการหาพันธมิตรใหม่อีกหรือไม่นั้น นายปิติพงศ์ กล่าวว่า "คงจะยังไม่หา Join รายอื่นอีก มันต้องถามว่าแล้วเราได้อะไรจากการที่ให้เขามาลงทุน เพราะเราคงไม่ได้อยากได้ตังค์ อย่างญี่ปุ่นเขาดี มาร่วมลงทุนแล้ว ก็มีงานเข้ามาด้วย ต่างคนต่างดี เขา win เราก็ win คือได้งานมามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าการเป็นคู่ค้าที่ไม่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน"

*คงเป้าเบี้ยประกันปีนี้โต 5% จากปีก่อน, เน้นประหยัดค่าใช้จ่าย-ปรับปรุงประสิทธิภาพ

กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวว่า บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในปีนี้(2552)ไว้ที่ 5% จากปีที่แล้ว(2551)ที่มีเบี้ยประกันภัย 1,850 ล้านบาท โดยขณะนี้เริ่มที่จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้มองว่าธุรกิจประกันน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มองไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

"เรามองว่าธุรกิจประกันน่าจะดีขึ้น จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่มองไว้ตั้งแต่ต้นปี น่าจะมี sign ที่ดีขึ้น เราก็หวังว่าเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ก็ดูอย่างตลาดหลักทรัพย์ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มจะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกเรามีเบี้ยประกันภัยหลายตัวที่ทำไม่ได้ตามเป้าหมาย อย่างการประกันมารีน ซึ่งก็เป็นไปทุก ๆ บริษัท แม้ว่าตอนนี้มันเริ่มที่จะมี sign ที่ดีขึ้น แต่ว่ามันต้องใช้ระยะเวลา เพราะตรงนี้มันขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจจริง ๆ"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว

กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวว่า เวลานี้บริษัทฯพยายามที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงานให้มากยิ่งขึ้น แต่เราก็ยังคงรักษาบุคคลากรของบริษัทฯได้ แม้ว่างานประกันภัยทางทะเล(มารีน)จะหายไปบ้าง แต่ก็มีงานประกันตัวอื่นเข้ามาทดแทน ปัจจุบันตัวนำยังเป็นประกันรถยนต์ด้วยสัดส่วน 67-68% ที่เหลือก็จะเป็น Non-motor มีสัดส่วน 32-33%

"บริษัทฯ พยายามที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย พยายามปรับการทำงานของพนักงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะ maintain บุคคลากร โดยตอนนี้เราก็ทำประกันกับทุกประเภทที่หาได้ แต่ตัวนำก็คงจะเป็นประกันรถยนต์ที่มีสัดส่วนมากหน่อย ส่วนประกันมารีนเราคงจะไม่เน้น โดยตอนนี้สัดส่วนของมารีนมีอยู่แค่ 10% ลดลงจากเมื่อก่อนนี้ที่มีสัดส่วนอยู่ 15% แม้ว่างานมารีนจะหายไป แต่บริษัทฯก็มีอย่างอื่นเข้ามาทดแทน

ช่องทางธุรกิจตอนนี้ไม่ค่อยดี การประกันโรงงาน ประกันอะไรมันก็น้อย นอกจากประกันมารีนแล้ว ประกันทรัพย์สินอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้มีอะไรใหม่ ๆ อย่าง property ตอนนี้โรงงานที่มีอยู่ก็ทยอยกันปิด เพราะเจอพิษเศรษฐกิจ ส่วนรถยนต์ก็มีไม่มากเท่ากับเมื่อหลาย ๆ ปีก่อน แต่เราก็ต้องพยายาม maintain ลูกค้าให้มากที่สุด"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว

*เตรียมคลอดผลิตภัณฑ์ใหม่ product liability ในเร็ว ๆ นี้

นายปิติพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯเตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในเร็ว ๆ นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ในแบบ product liability ซึ่งตัวความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ซึ่งจะสอดคล้องกับกฎหมายใหม่ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาด้านตลาด

ทั้งนี้ในปีนี้(2552)บริษัทฯคงจะเน้นหันไปจับตลาด personel line มากกว่า commercial line เพราะผู้ประกอบการโดยส่วนใหญ่จะรัดเข็มขัดกัน หลังต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลก

"บริษัทคาดว่าจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในเร็ว ๆ นี้ แต่ว่าตอนนี้ยังศึกษาตลาดอยู่ มันเป็น product liability ตัวความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ตอนนี้กำลังดูตลาดอยู่ว่าคนมี mood ที่จะซื้อหรือเปล่า"นายปิติพงศ์ กล่าว

ในด้านประกันสุขภาพยังมีหลายตัวที่ยังพอขายได้ แม้ว่าขณะนี้เรายังไม่มีใบอนุญาตทำธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งก็ทำให้เราแข่งขันลำบาก แต่เราก็ต้องแข่ง โดยมองว่าประกันประเภท personel line ยังพอไปได้ในสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ เมื่อเทียบกับพวกโรงงานที่ต้องลดรายจ่ายในการทำประกันประเภท commercial line

ทั้งนี้ ตอนนี้บริษัทฯก็มีประกันส่วนบุคคลออกมาบ้างแล้ว เป็นประกันสุขภาพ โดยทำร่วมกับจส.100 เป็นการทำแคมเปญร่วมกัน แต่บริษัทฯก็พยายามที่จะทำผ่านคู่ค้าเหมือนกัน เพราะช่วงนี้ต้องยอมรับว่าเราจะต้องพยายามหาคู่ค้าที่ทำธุรกิจร่วมกันได้

*มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่งสามารถรองรับเกณฑ์ใหม่ RBC ได้

กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวต่อว่า เกณฑ์ใหม่การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง(Riskbased:RBC)หากมีการนำมาใช้ บริษัทฯมีความมั่นใจว่าด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯจะสามารถรองรับเกณฑ์ใหม่นี้ได้อย่างแน่นอน

"เกณฑ์ใหม่ RBC บริษัทฯรองรับได้อยู่แล้ว เพราะเรามีเงินกองทุนที่ใหญ่ เรามีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินเพียงพอ และเราเป็นบริษัทมหาชนอยู่แล้ว"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว

สำหรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯคาดว่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2552)ด้วย เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวที่ดีขึ้นกว่าปลายปีที่แล้ว(2551)

"พอร์ตลงทุนของบริษัทฯดีขึ้น เพราะว่าหุ้นขึ้น และครึ่งปีหลังคาดว่าพอร์ตการลงทุนน่าจะดีขึ้น ตามภาวะตลาดฯที่ดีขึ้น"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ