นายอนุพงษ์ โรจน์นครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอวิสเซส จำกัด (แท็กส์) เตรียมเปิดเจรจาบมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)เพื่อแก้ไขปัญหากรณีการฟ้องร้องสัญญาสัมปทานรถเข็นสัมภาระในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยเร็วที่สุด เพราะเห็นว่าการฟ้องร้องกันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ขณะแท็กส์กับ ทอท.ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดย ทอท.เป็นผู้ก่อตั้งแท็กส์มาตั้งแต่แรก ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ของแท็กส์กว่า 50% ก็เป็นลูกหลานของพนักงานใน ทอท.
"ปัญหารถเข็นเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเจรจากัน เพราะผู้บริหาร ทอท.ไม่ว่าจะเป็นนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยใหญ่ ทอท.นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่างก็เคยทำงานร่วมกันมา และการทำงานของผมในแท็กส์ที่ผ่านมาก็เป็นลูกที่ดีมาโดยตลอด"นายอนุพงษ์ กล่าว
นายอนุพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า การบริหารงานในแท็กส์ต่อจากนี้จะต่างจากเดิม เพราะสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป แท็กส์ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการลดลง ดังนั้น การบริหารงานใดๆ จำเป็นต้องประหยัด และคงไม่สามารถให้ลูกค้าค้างชำระค่าบริการได้นาน 5 เดือนเหมือนก่อน เนื่องจากเงินทุนสำรองและรายได้ของแท็กส์ลดลง
การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกรณีสัญญาสัมปทานรถเข็นกระเป๋า ซึ่ง ทอท.เรียกค่าเสียหายจำนวน 2,000 ล้านบาทนั้น เห็นว่าจำนวนเงินดังกล่าวค่อนข้างสูง และแท็กส์คงไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ คงต้องยกบริษัทให้ไปเลย ซึ่งทอท.ก็ต้องไปจัดทีมงานมาบริหารงานเอง และ ทอท.ในฐานะผู้ถือหุ้นในแท็กส์ก็ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าปรับดังกล่าวด้วย
สำหรับกรณีที่ประธานกรรมการ ทอท. มีแนวคิดที่จะขายหุ้น ทอท.ในแท็กส์นั้น ที่ผ่านมา ทอท.ก็เคยมีแนวคิดที่จะขายหุ้น แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการ เพราะความสัมพันธ์ระหว่าง ทอท.กับแท็กส์นั้น ได้ทำงานร่วมกันมา งานใดที่ทอท.ให้แท็กส์ทำ แท็กส์ก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ แม้ว่าบางครั้งแท็กส์ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มก็ยอม ซึ่งคาดว่าทอท.คงเห็นความตั้งใจ และถือหุ้นในแท็กส์ต่อไป
อนึ่ง ทอท. ถือหุ้นใน แท็กส์ สัดส่วน 28.5%
นายอนุพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ซื้อหุ้นแท็กส์จากลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย คือ เพาเวอร์ลิงค์ จำนวน 8% และได้ประสานกับบริษัท เอสเจ แอสเสท แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ถือหุ้นในแท็กส์จำนวน 48.5% ซึ่งต้องการขายหุ้นที่ถืออยู่ โดยบริษัท เอสเจ ได้มอบสิทธิในการจัดสรรหุ้นให้ตนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม จะเร่งจัดสรรหุ้น 48.5% ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจในการบริหารงานของแท็กส์ โดยขณะนี้มีบริษัทหลายแห่งสนใจ แต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ แต่บริษัทก็ต้องการผู้ที่มีความเข้าใจในงานของแท็กส์ และหากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ทอท.ด้วยก็จะยิ่งดี
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กลุ่มล็อกซเล่ย์ และกลุ่มทุนการเมืองสนใจเข้ามาถือหุ้นนั้น ยังเป็นแค่เรื่องที่พูดกันไปเองมากกว่า