นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของรัฐบาลในการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติเพราะจะเป็นระบบการออมเพื่อการชราภาพ และเป็นการเตรียมการสำหรับผู้เกษียณอายุที่จะต้องมีรายได้เพื่อการดูแลตัวเอง ซึ่งคนไทยควรจะมีระบบการออมเพื่อการชราภาพ
สำหรับแบบรูปแบบการออม โดยประชาชนออมส่วนหนึ่งและรัฐบาลสมทบอีกส่วนหนึ่ง จะเป็นการช่วยลดภาระของภาครัฐในการดูแลผู้ชราภาพในอนาคต โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จะได้รับผลบวกทางอ้อม เพราะจะมีการออมระยะยาวมากขึ้น ซึ่งจะเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์และตราสารทุนต่าง ๆ เพื่อรองรับการออมที่จะเกิดขึ้น เช่น หุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ และตราสารอนุพันธ์
นางภัทรียา กล่าวต่อว่า ส่วนการที่รัฐบาลออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ยอมรับว่าผู้ลงทุนบางส่วนโยกเงินลงทุนจากตลาดหุ้นเพื่อไปซื้อพันธบัตรที่ให้อัตราดอกเบี้ยดี แต่คงจะมีจำนวนไม่มากนัก ไม่ถือว่ามีนัยสำคัญ และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่นักลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนแบบผสมผสาน
ด้านนายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี(MFC) กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาครัฐและผู้ออม โดยในต่างประเทศก็มีการออมลักษณะนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มเงินออมในระบบและรัฐบาลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งมีผลในทางอ้อมทำให้ตลาดเติบโตขึ้น มีนักลงทุนสถาบันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความผันผวน ดังนั้นการมีกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติจะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนในการออมสำหรับวัยเกษียณ