บริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT เปิดเผยว่า Non-Performing Loans(net) ประจำไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 อยู่ที่ 274,219,344.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.58 ของเงินให้สินเชื่อรวมหลังหักเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ
และ Non-Performing Loans (gross) อยู่ที่ 676,537,459.31 บาท คิดเป็นร้อยละ 14.81 ของเงินให้สินเชื่อรวมก่อนหักเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ส่วนเงินสำรองสำหรับลูกหนี้ที่ต้องกันตามเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด อยู่ที่ 428,399,082.63 บาท
สำหรับผลขาดทุนสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวมในไตรมาสที่สองของปี 2552 มีผลขาดทุนสุทธิ 16.263 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 67.349 ล้านบาทหรือลดลง 131.84% เมื่อเปรียบเทียบกับผลกำไรงวดบัญชีเดียวกันของปี 2551 จำนวน 51.086 ล้านบาท
การลดลงของกำไรสุทธิจำนวน 66.223 ล้านบาทตามงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการในไตรมาสนี้เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2551 มีสาเหตุสำคัญสืบเนื่องจากในไตรมาสที่สองของ 2552 บริษัทมีรายการที่ทำให้กำไรสุทธิลดลง คือ มีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 46.675 ล้านบาท รายได้จากหนี้สูญได้รับคืน ลดลงจำนวน 10.035 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิลดลงจำนวน 16.589 ล้านบาท ในขณะเดียวกันบริษัทมีรายการที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นคือการลดลงของภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 8.852 ล้านบาท
การลดลงของกำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวมจำนวน 67.349 ล้านบาทในไตรมาสที่สองของปี 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่สองของปี 2551 สืบเนื่องมาจากขาดทุนสุทธิจากบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้น โดยสรุปขาดทุนสุทธิของบริษัทในไตรมาสที่สองของปี 2552 ตามงบกำไรขาดทุนเฉพาะกิจการมีจำนวน 32.229 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 0.17 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปี 2551 ส่วนขาดทุนสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวมในไตรมาสที่สองของปี 2552 มีจำนวน 16.263 ล้านบาทคิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.08 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 0.26 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปี 2551