นายปฎิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทสามารถกลับมาเดินเครื่องโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน(PQI)ในวันนี้ตามที่กำหนดไว้และไม่ได้รับผลเสียหายอย่งมีนัยสำคัญ หลังจากที่เกิดปัญหาขัดข้องทำให้ต้องหยุดการผลิตไปตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการ PQI จะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้ให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น
"วันนี้เราเริ่มเดินเครื่อง PQI ได้แล้ว เราเตรียมความพร้อมไว้หมด ไม่มีปัญหาอะไร ก็ได้อย่างที่หวังเอาไว้"นายปฏิภาณ กล่าว
ขณะนี้บริษัทวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตภายใต้โครงการ PQI เป็น 9.4 หมื่นบาร์เรล/วันในไตรมาส 3/52 จาก 8.5 หมื่นบาร์เรล/วันในไตรมาส 2/52 และในไตรมาส 4/52 จะเพิ่มกำลังการผลิตเขึ้นเป็น 1 แสนบาร์เรล/วันในที่สุด
"กำลังการผลิตคงตกจากต้นปีที่เคยวางแผนไว้ ก.ค.ก็จะเริ่ม warm up เครื่อง และในเดือน ส.ค.จะเดินเครื่องถึง 80% และทำการ TEST ทุกเดือน หลังจากนั้น ก.ย.ก็จะเดินเครื่องเต็มที่ 1 แสนบาร์เรล/วัน" นายปฏิภาณ กล่าว
*คาด Q2/52 กำไรทำนิวไฮ น้ำมันเตาราคาดี-stock gain
นายปฎิภาณ คาดว่า ในไตรมาส 2/52 บริษัทจะมีกำไรสูงสุดในทุกไตรมาสที่ผ่านมา แม้ว่าโครงการ PQI จะหยุดเดินเครื่องไปชั่วคราวก็ตาม เนื่องจากเป็นจังหวะดีที่ราคาน้ำมันเตาที่บริษัทส่งออกได้ราคามีพรีเมียมที่ค่อนข้างสูง และบริษัทยังได้กำไรจากสต็อกน้ำมันตามราคาตลาดโลก
ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ PQI ต้องหยุดเดินเครื่องส่วนต่างราคา(สเปรด)ระหว่างดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบเคบมาก แต่ราคาน้ำมันเตาดีมาก ทำให้สถานการณ์กลับมาได้เปรียบ รวมทั้งมีการประกันความเสี่ยงค่าการลั่นมาช่วยด้วย
"กำไรไตรมาสสองจะเป็นไตรมาสที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับทุกไตรมาสที่ผานมา ซึ่ง break the record มาเรื่อยๆ แต่จะเห็น new high ในไตรมาสสอง"นายปฏิภาณ กล่าว
สำหรับกำไรของบริษัทปรับขึ้นมาตั้งแต่มกราคม แต่สต็อกน้ำมันที่ได้กำไรมาช้านิดหนึ่ง ทำให้ไตรมาสแรกยังไม่มีกำไรสต็อกน้ำมันเท่าไร แต่ไตรมาสสองจะได้กำไรมาก รวมกับค่าการกลั่นในไตรมาสสองก็ดีมากด้วย
*คาดกำไรในครึ่งปีหลังอ่อนตัวกว่าครึ่งปีแรก แต่ทั้งปียังเติบโตโดดเด่น
นายปฏิภาณ คาดว่า กำไรในครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวกว่าครึ่งปีแรกจากความเสี่ยงในตลาดน้ำมันที่มีอยู่ แต่สถานการณ์ของโรงกลั่นบางจากน่าจะทำให้ทั้งปี 52 น่าจะ Outperform ได้ จากการเดินเครื่องโครงการ PQI ขณะที่ช่วงที่โครงการต้องชะงักไปก็ไม่มีผลกระทบ เพราะเป็นช่วงที่สเปรดแคบมาก พอเราเริ่ม PQI วันนี้สเปรดของดีเซลและน้ำมันดิบดูไบ ปรับตัวสูงขึ้นมากเป็น 7.50 เหรียญ/บาร์เรล จากเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาสเปรดต่ำสุดที่ 4 เหรียญ/บาร์เรล และมีแนวโน้มสเปรดเพิ่มสูงขึ้น
"ไตรมาส 3-4 เรามองว่ายังดี แต่มาเทียบกับไตรมาส 1-2 มันดีน้อยกว่า"นายปฏิภาณ กล่าว
ส่วน EBITDA บริษัทยังคงประมาณการไว้ไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท เนื่องจากว่าไตรมาส 3-4 คาดว่าจะอ่อนตัวลงมา อย่างไรก็ตาม ผลกำไรในปี 52 จะโตขึ้นมาโดดเด่นชัดเจน และดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าวว่า แม้ว่ากำลังการผลิตในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น แต่ในด้านการตลาดน้ำมันสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ประเมินว่าในไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 ยังคาดว่าสเปรดยังคงแคบอยู่ มองว่าสเปรดระหว่างดีเซลและน้ำมันดิบดูไบที่ประมาณ 7-10 เหรียญ/บาร์เรล
"เรามองว่าสถานการณ์ตลาดน้ำมันไม่ค่อยดี แต่อย่างไรก็ตามของบางจาก เรามี headging ไว้ถึง 40% ดังนั้น ค่าการกลั่นทั้งปีของบริษัทก็ยังอยู่ในระดับสูง ไม่น่าจะต่ำกว่า 8 เหรียญ/บาร์เรล แต่จะสูงขึ้นเป็นเท่าไร ขึ้นกับ performance จริงๆ ยังไม่รวม inventory gain"นายปฎิภาณ กล่าว
สถานการณ์ในไตรมาส 3-4/52 ยังมีความเสี่ยง สเปรดก็ยังเป็นสิ่งทีต้องเฝ้ามองอยู่ ยังคิดว่าเป็นไปตามคาดหมายหรืออาจจะต่ำกว่าคาดหมายเล็กน้อย เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ค่อยดี ความต้องการใช้น้ำมันยังต่ำกว่าการผลิต ความต้องการยังไม่มาก
ส่วนการจ่ายปันผลระหว่างกาล คาดว่าจะมีการพิจารณาหลังจากประกาศงบไตรมาส 2/52 ออกมาก่อน ซึ่งจะประกาศในวันที่ 13 ส.ค.นี้ โดยจะพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท