นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บมจ. ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ (BAT-3K) ระบุว่า ในปี 52 บริษัทลดกำลังการผลิตลง 20% จาก 3 แสนลูก/เดือน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยอดขายต่างประเทศลดลง
ในส่วนรายได้คาดว่าจะใกล้เคียงปี 51 ที่ 4 พันล้านบาท แต่ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นจะเพิ่มเป็น 30% ในปีนี้จาก 20% ในปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบตะกั่วลดลง แต่ก็ไม่มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากแบตเตอรี่เป็นสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม สำหรับในปี 52 บริษัทคาดว่าจะพลิกมีกำไรใกล้เคียงกับปี 50 ที่มีกำไรราว 300 ล้านบาท หลังจากปี 51 ที่มีผลขาดทุนถึง 471 ล้านบาท จากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นสูง
"ปีนี้หวังเห็นกำไร 300 ล้านบาท หลังไตรมาสแรกมีกำไรแล้ว 76 ล้านบาท และไตรมาส 2 น่าจะมีกำไรต่อเนื่อบจากไตรมาสแรก ซึ่งถือว่ากลับมามีกำไรดีอีกครั้ง หลังจากราคาวัตถุดิบลดลงมาเยอะ"นายวีรวัฒน์ กล่าว
โดยปัจจุบัน 3K มีมาร์เก็ตแชร์ 30-35% สำหรับตลาดในประเทศที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5 พันล้านบาท
สำหรับสัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากในประเทศ 60% ต่างประเทศ 40% จากเดิมที่สัดส่วน 50:50
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัดส่วนยอดขายต่างประเทศลดลงจากปัจจัยเศรษฐกิจโชะลอตัว แต่บริษัทพยายามเจาะตลาดใหม่ โดยอยู่ระหว่างหาพันธมิตรในประเทศจีนและออสเตรเลีย ที่จะต้องสามารถทำงานควบคู่กับ 3K และสร้างการเติบโตของรายได้ให้ 3K
ทั้งนี้ ปัจจุบัน 3K ส่งสินค้าไปจำหน่ายใน 50 ประเทศทั่วโลก
"พันธมิตรทั้งในจีนและออสเตรเลีย คุยกันอยู่หลายราย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพาร์ทเนอร์ที่จะทำงานร่วมกับ 3K โดยใน 1 ประเทศอาจจะมีพาร์ทเนอร์รายเดียวหรือหลายรายก็ได้ แต่เรายังไม่ได้กำหนดว่าจะสรุปหาพาร์ทเนอร์ได้เมื่อไหร่"นายวีรวัฒน์ กล่าว