บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) ออกโรงปฏิเสธข้อครหาดันโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อเปิดทางให้นักลงทุนรายใหญ่ออกของ ผู้บริหารยืนยันว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นการสร้างผลประโยชน์ตอบแทนผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัทมีเงินในมือเพียงพอ ซึ่งบริษัทก็พร้อมที่จะให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เข้ามาตรวจสอบ เพราะได้ปรึกษากับทาง ตลท.มาโดยตลอดอยู่แล้ว
ส่วนการจ่ายปันผลระหว่างกาลในช่วงครึ่งปีแรกจะมีหรือไม่นั้น ยังต้องขอรอดูผลการซื้อหุ้นคืนก่อน โดยอาจจะจะซื้อได้จำนวนที่กำหนดไว้ หรืออาจจะซื้อหุ้นคืนเพียงส่วนหนึ่ง แล้วนำเงินทีเหลือมาจ่ายปันผลระหว่างกาล
พร้อมยอมรับว่ากองทุนต่างชาติสนใจเข้าถือหุ้น แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายขายหุ้นออก
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ SGP กล่าวว่า ความตั้งใจของบริษัทที่ริเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนก็เพื่อต้องการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นกับบริษัท นอกเหนือจากการจ่ายเงินปันผล ซึ่งสาเหตุที่เลือกการซื้อหุ้นคืน เพราะเป็นการบริหารเงินในส่วนที่เหลืออยู่ และบริษัทก็มีกำไรที่ดี
ส่วนจะซื้อหุ้นครบตามจำนวนที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติไว้ไม่เกิน 720 ล้านบาทหรือไม่นั้น คงต้องดูภาวะตลาดและราคา ณ ขณะนั้นๆ แต่หากพิจารณาจากราคาตอนนี้ที่ 9 บาท/หุ้นก็ยังถือว่าราคาถูก เพราะค่า P/E อยู่ที่แค่ 7.3 เท่า ต่ำกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่ มีค่า P/E เฉลี่ย 13 เท่ากว่า แต่หากราคาหุ้นปรับสูงขึ้นไปมาก บริษัทก็อาจไม่ซื้อครบจำนวน
นายศุภชัย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทอาจจะไม่สามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก หากใช้เงินที่มีในการซื้อหุ้นคืนทั้งจำนวนตามที่ได้รับอนุมัติ แต่ในช่วงปลายปีจะมีการจ่ายปันผลเหมือนเดิม แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับการหารือของบริษัทอีกครั้ง
วานนี้ SGP ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 720 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 3 ส.ค.52-2 ก.พ.53
สำหรับกระแสข่าวที่ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทอาจจะทำประโยชน์ให้กับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาซื้อหุ้น SGP ไว้ก่อนหน้านี้นั้นนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ไม่ได้สนใจว่าใครมีหุ้นจำนวนเท่าไหร่ และยิ่งเมื่อมาดูการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นก็ไม่พบว่ามีรายใหญ่เข้ามาถือหุ้น ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยหนุ่ย หรือ เสี่ยผมม้า มีแต่เสี่ยยักษ์กับนายโกมลเท่านั้น ที่เข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ช่วงที่เสนอขาย IPO
"นักลงทุนรายใหญ่ไม่ได้มีผลต่อมติของบริษัท และผมไม่สนใจรายใหญ่ กลุ่มผมคือ รายใหญ่สุด และผมก็ไม่ต้องการขายหุ้นด้วย ซึ่งนักลงทุนรายใหญ่ไม่ได้รู้จักเป็นส่วนตัว นายโกมลและเสี่ยยักษ์ เป็นเพียงนักลงทุนที่มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น" นายศุภชัย กล่าว
บริษัทยังพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับตลท.หากต้องการเข้ามาตรวจสอบการซื้อขายหุ้น SGP และไม่ได้กังวลใด ๆ เพราะที่ผ่านมาการดำเนินการใดๆ ของบริษัทได้มีการหารือกับทาง ตลท.มาโดยตลอด รวมถึงการพิจารณาในการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ด้วย โดยก่อนหน้า นี้ บริษัทเคยคิดที่จะซื้อหุ้นคืนมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อปรึกษาตลท.ก็ได้รับคำแนะนำว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากเพิ่งเข้ามาระดมทุนได้ไม่นาน ควรจะรอให้ครบ 1 ปีก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ครบเวลาแล้ว
"ช่วงที่มีการประกาศว่าจะมีการซื้อหุ้นคืน จำนวน 720 ล้านบาท หรือ 90 ล้านหุ้นนั้นคนที่รู้มีเพียง 3 ส่วน คือ ตัวบริษัท กรรมการที่ประชุม ตลาดฯ และ FA เท่านั้นที่รู้ แต่พอมีข่าวเกิดขึ้นก็ งง และปฏิเสธข่าวไป"นายศุภชัย กล่าวชี้แจง
นายศุภชัย กล่าวต่ออีกว่า ไม่อยากให้คนมองว่าหุ้น SGP เป็นหุ้นเก็งกำไร อยากให้หุ้นเป็นหุ้นบลูชิพ และอยากให้กองทุนเข้ามาถือหุ้นมากกว่านักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นข่าว เพราะกองทุนจะมีลักษณะการลงทุนในระยะยาว ยอมรับว่าที่ผ่านมามีกองทุนต่างประเทศติดต่อจะเข้ามาซื้อหุ้นบิ๊กล็อตแต่ได้ปฏิเสธไป โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายจะ Dilute การถือครอง และได้แนะนำว่าหากต้องการหุ้นให้ไปซื้อในกระดาน
ล่าสุด จากตัวเลข ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในเดือนเม.ย. ยังไม่มีกองทุนเข้าถือหุ้นในบริษัท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าการที่ราคาหุ้น SGP ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ ถือว่าไม่ได้สูงมาก แต่กลับต่ำไปด้วยซ้ำ ภายใต้ P/E และพื้นฐานบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงแผนการดำเนินงานนอนาคต ความสามารถในการทำกำไรก็มีมาก
"การซื้อหุ้นคืนก็เหมือนปันผล ตอบแทนผู้ถือหุ้น ส่วนราคาหุ้นจะตอบสนองหรือไม่ ไม่สนใจ" นายศุภชัย กล่าว
ด้านนายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานกำกับตลาด ตลท.กล่าวว่า ตลท.อยู่ระหว่างการติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้น SGP ทั้งราคาและปริมาณการซื้อขายว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ตลท.