นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/52 (งบการเงินรวม) แสดงกำไรสุทธิจำนวน 5,234 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 1/52 ซึ่งอยู่ที่ 5,547 ล้านบาท และลดลงร้อยละ 10.0 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 2/51 ซึ่งอยู่ที่ 5,818 ล้านบาท
"ผลประกอบการของไตรมาส 2/52 แม้ลดลงแต่ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศ แสดงให้เห็นถึงความถูกต้องในยุทธศาสตร์การดำเนินงานของธนาคารและส่งสัญญาณการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย"นายวิชิต กล่าว
ปัจจัยหลักที่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการในไตรมาส 2/52 มาจากการขยายตัวของสินเชื่อ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากไตรมาส 2/51 การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 จากไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 จากไตรมาส 2/51 ในขณะเดียวกันธนาคารสามารถควบคุมสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ไว้ได้คงที่โดยยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับเดียวกันกับยอดของไตรมาสที่แล้วและของปีที่แล้ว
ส่วนปัจจัยลบมาจากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)จากการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในไตรมาส 2/52 สืบเนื่องจากนโยบายของธนาคารในระบบที่ต้องการช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ตลอดจนเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารลดลงจากร้อยละ 3.9 ในไตรมาส 2/51 และร้อยละ 3.6 ในไตรมาส 1/52 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในไตรมาสนี้ และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว อันเป็นผลมาจากการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เป็นรายการเฉพาะในไตรมาสที่ 2/52 นี้
ส่วนผลประกอบการด้านต่างๆ เงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/52 อยู่ที่ 906,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 จากไตรมาสที่ 1/52 ซึ่งอยู่ที่ 901,885 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 จากไตรมาส 2 ของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 882,417 ล้านบาท การขยายตัวหลักด้านสินเชื่อเกิดจากสินเชื่อใหม่ที่ให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และภาครัฐ และการขยายตัวต่อเนื่องของสินเชื่อเคหะในกลุ่มลูกค้าบุคคล ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าการขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งหลังของปีจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะในเงินทุนหมุนเวียนสำหรับธุรกิจที่จะมีเข้ามาตามฤดูกาล อันจะส่งผลให้การขยายตัวด้านสินเชื่อของธนาคารเป็นได้ตามเป้าหมายที่ปรับมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 3-5 สำหรับทั้งปี
รายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารเติบโต เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2552 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/51 โดยรายได้ค่าธรรมเนียมหลักที่สำคัญมาจากธุรกิจ Bancassurance ธุรกิจบัตรเครดิต และผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ซึ่งยังแสดงการขยายตัวที่แข็งแรงต่อเนื่องมาในงวดนี้
ด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/52 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คงที่ในระดับร้อยละ 4.7 เท่ากับไตรมาส 1/52 และลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากร้อยละ 5.3 ณ สิ้นไตรมาส 2/51 ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 2/52 อยู่ในระดับคงที่เช่นกันโดยอยู่ที่ 49,832 ล้านบาท ในส่วนอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (LLR/NPL) ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ 81.7 ณ สิ้นไตรมาส 1/52 เป็นร้อยละ 84 ณ สิ้นไตรมาส 2/52 นี้