บมจ.ปตท.(PTT) รับค่าการกลั่นครึ่งปีแรกยังอยู่ในระดับต่ำเฉลี่ย 1-3 ดอลลาร์/ต่อบาร์เรล ส่วนแนวโน้มทั้งปีจะปรับสูงขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก พร้อมระบุกรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษมาบตาพุดล่าช้าอาจกระทบการลงทุนผลิตยูโร 4
นายปรัชญา ภิญญาวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น PTT เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากจีนมีนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีเพิ่มสูงขึ้น แต่ต้องจับตาดูว่าหลังมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดในปลายปีนี้ ความต้องการยังจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหรือไม่
ส่วนกรณีที่ตะวันออกกลางมีแผนเปิดโรงงานปิโตรเคมีในเร็วๆ นี้ นายปรัชญา ยอมรับว่า จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงกลั่นของไทย เนื่องจากปัจจุบันค่าการกลั่นเฉลี่ยยังอยู่ในระดับต่ำ 1-2 ดอลลาร์/บาร์เรลเท่านั้น โดยครึ่งปีแรกค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 1-3 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในครึ่งปีหลังค่าการกลั่นจะปรับดีขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วและแรงแค่ไหน
ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันเฉลี่ย ขณะนี้อยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร แม้จะเป็นอัตราที่ผู้ค้าน้ำมันไม่ขาดทุน แต่หากจะให้คุ้มกับเงินลงทุนค่าการตลาดน้ำมันควรสูงกว่า 1.50 บาทต่อลิตร
นายปรัชญา ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้ได้มาตรฐานยุโรป ระดับ 4(ยูโร 4) ว่า บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ได้เริ่มลงทุนแล้ว ขณะที่ บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุน
ทั้งนี้อาจเกิดผลกระทบจากกรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุด และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งบังคับให้ต้องดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 67 ที่กำหนดให้ต้องทำรายงานด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หากยังไม่มีความชัดเจนอาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในมาบตาพุด ทำให้โครงการล่าช้า และไม่เป็นไปตามกำหนดใช้มาตรฐานยูโรโฟร์ ในวันที่ 1 ม.ค.55 เนื่องจากขณะนี้โครงการต่างๆ ยังไม่ได้รับใบอนุญาตดำเนินการ จึงต้องการให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การลงทุนเกิดขึ้นโดยเร็ว