รมว.คมนาคม สั่ง AOT ติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม แก้ปัญหาฉกทรัพย์สินในสนามบิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 22, 2009 16:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการตรวจด้านความปลอดภัยในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ได้สั่งเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในส่วนของกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสาร เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีกระเป๋าของผู้โดยสารถูกกรีดและขโมยทรัพย์สิน โดยให้บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพิ่มเติมในจุดเสี่ยงที่คนร้ายอาจใช้เป็นพื้นที่กระทำความผิด

"การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องนำอุปกรณ์เครื่องมือเข้ามาช่วยติดตามการทำงานในส่วนของขั้นตอนการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระให้มากขึ้น และลดการใช้แรงงานคน หรือหากต้องใช้คนก็ต้องคัดเลือกบุคคลที่มีคุณภาพมาปฏิบัติงาน สำหรับจุดเสี่ยงที่ต้องติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด คือ บริเวณที่ขนถ่ายกระเป๋าจากสายพานลำเลียงขึ้นสู่ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งจะใช้แรงงานคน" นายโสภณ กล่าว

ทั้งนี้ การขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระนั้นจะมีหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกันคือ ทอท. และสายการบิน ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันในการดูแลด้านความปลอดภัย และมั่นใจว่ามาตรการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและมาตรการที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และหน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา (TRANSPORTATION SECURITY ADMINISTRATION : TSA)

ส่วนกรณีที่สำนักข่าวบีบีซีเสนอข่าวนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเหยื่อเล่ห์กลซิกแซกของร้านปลอดภาษีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น จากการตรวจเยี่ยมและชมภาพโทรทัศน์วงจรปิดพบว่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษหยิบของจากร้านค้าปลอดภาษีไปจริง และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ได้ดำเนินการตามกฎหมาย จึงได้กำชับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างประเทศ และมีการควบคุมตัวจะต้องแจ้งไปยังสถานทูตของผู้ต้องสงสัย และจัดห้องพักรอเจ้าหน้าที่จากสถานทูตก่อนที่ดำเนินตามกฎหมาย

ด้านนายสมบัติ เดชาพานิชกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มคิงพาวเวอร์ แสดงภาพโทรทัศน์วงจรปิดที่มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษหยิบกระเป๋าถือมูลค่า 6,700 บาทจากชั้นวางสินค้าใส่กระเป๋าถือของตนเอง โดยกล่าวว่า ได้ส่งภาพดังกล่าวเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบการพิจารณาดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวหญิงดังกล่าว

และเห็นว่าหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอที่จะดำเนินคดีลักทรัพย์กับบุคคลดังกล่าว แม้ว่าในการค้นกระเป๋าถือของผู้หญิงจะไม่พบกระเป๋าที่หายไป แต่ปรากฏว่าพบกระเป๋าในถังขยะหน้าห้องน้ำชายชั้น 2 ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่ชายซึ่งเชื่อว่ารู้จักกับหญิงคนดังกล่าวไปเข้าห้องน้ำพอดี

"ข่าวของบีบีซีที่เผยแพร่ออกไป สื่อให้เห็นว่าการซื้อสินค้าในท่าอากาศยานต้องระวัง ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะซื้อสินค้าในท่าอากาศยานว่าหากคุณไม่ได้กระทำผิดไม่ต้องเกรงกลัวอะไร และที่ผ่านมานโยบายของกลุ่มคิงพาวเวอร์ฯ เมื่อเกิดกรณีสินค้าสูญหาย พนักงานขายจะต้องรับผิดชอบ ยกเว้นเมื่อมีหลักฐานชัดเจนว่ามีบุคคลอื่นลักทรัพย์" นายสมบัติ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ