ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 8 วันทำการ และเป็นสถิติที่ปิดบวกยาวนานที่สุดในรอบกว่า 5 ปี หลังจากบริษัทสหรัฐรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงบริษัท แอปเปิล และยาฮู
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 12.56 จุด แตะที่ 4,493.73 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,449.19-4,497.98 จุด
เดวิด โจนส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท IG Index กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนคึกคักขึ้น หลังจากบริษัท ยาฮู อิงค์ เปิดเผยว่าบริษัทสามารถกำไรได้มากขึ้นในไตรมาส 2 เนื่องจากซีอีโอคนใหม่ของบริษัทสามารถลดต้นทุนได้มากพอที่จะชดเชยยอดขายโฆษณาบนเว็บไซต์ที่ร่วงหนักสุดในรอบเกือบ 10 ปี
ขณะที่แอปเปิล อิงค์ เผยกำไรไตรมาส 3 ทะยานเกินคาด หลังยอดขายไอโฟนและโน้ตบุ๊คแมคอินทอชพุ่ง โดยกำไรของแอปเปิลพุ่งแตะ 1.23 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.35 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น 12% แตะ 8.34 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าแอปเปิลจะมีกำไรเพียง 1.17 พันล้านดอลลาร์ และมียอดขายเพียง 8.21 พันล้านดอลลาร์
หุ้นไชร์ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ปิดบวก 4 % และเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 ก่อนที่ไชร์จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสองในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่หุ้นแอสตราเซเนกาปิดบวก 1.2 % แต่หุ้นแกล็กโซสมิธไคลน์ปิดลบ 0.6% จากแรงขายทำกำไร
หุ้นโวดาโฟนปิดบวก 1.0% หลังจากบริษัทบีที กรุ๊ป ระบุว่าทางบริษัทจะโอนถ่ายฐานลูกค้าโทรศัพท์และฐานลูกค้าอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในไอร์แลนด์ให้แก่โวดาโฟน
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (Niesr) คาดการณ์ว่า ราคาบ้านในอังกฤษจะลดลงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2555 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคในที่สุด และคาดว่าตัวเลขจีดีพีของอังกฤษจะลดลงต่อเนื่องจนกว่าจะถึงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้