บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) แจ้งว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 52 เท่ากับ 1,364 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7.2 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 65.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ดีแทคมีกำไรจากการยุติข้อพิพาทกับ DPC แม้ว่าค่าใช้จ่ายทางการเงินจะยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยถ้าไม่รวมกำไรจาก DPC กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงร้อยละ 33.6
ด้าน EBITDA ในไตรมาสนี้เท่ากับ 4,772 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.0 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 12.6 จาก EBITDA ที่ไม่รวมกำไรจาก DPC ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ามาตรการการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายจะเริ่มเห็นผลในไตรมาสนี้ แต่รายได้จากบริการเครือข่ายระหว่างประเทศที่ลงอย่างมาก และค่าใช้จ่ายเชื่อมต่อโครงข่ายสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลให้ EBITDA โดยรวมลดลง อย่างไรก็ดี EBITDA margin เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29.1 ในไตรมาสก่อนเป็นร้อยละ 29.6 ในไตรมาสปัจจุบัน แต่ลดลงจากร้อยละ 32.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มปี 52 คงเป้าหมายกระแสเงินสด โดยมีนโยบายที่จะเน้นการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเนื่องจากความไม่แน่นอนของผลกระทบจากปัจจัยภายนอกในครึ่งปีหลังที่ยังคงมีอยู่ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความรุนแรงภายในประเทศและวิกฤติการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยดีแทคมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายประมาณ 2 พันล้านบาท ภายในปี 2553
ส่วนความคืบหน้าของการลงทุนโครงข่าย 3G ดีแทคจะทดลองให้บริการ 3G (ยังไม่ใช่ในเชิงพาณิชย์) บนคลื่นความถี่ 850 MHz ในไตรมาส 3 นี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทดลองระบบและศึกษาความต้องการของผู้ใช้บริการ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประมูลคลื่นความถี่ 3G ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้