โบรกเกอร์เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(AP) แม้จะคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/52 จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้ลดลลง แต่มองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะจะเข้าไปลงทุนระยะยาว เชื่อว่าครึ่งหลังปี 52 จะมียอดรับรู้รายได้ดีขึ้น จากการรับรู้รายได้โครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง และที่สำคัญ บริษัทมี backlogใ นมือสูงประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นหลักประกันรายได้ของบริษัทต่อไปในระยะยาว
นอกจากนี้ราคาหุ้นของบริษัทเทียบกับกลุ่มอสังหาฯ ถือว่ายังต่ำอยู่ แต่ก็แนะว่าน่าจะเก็บหุ้นในช่วงตลาดอ่อนตัวกว่านี้ หรือหลังประกาศผลประกอบการ
เมื่อเวลา 10.08 น.ราคาหุ้น AP อยู่ที่ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท (+1.67%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 6.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 5.75 บล.บีฟิท ซื้อ 5.70 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 5.62 บล.กสิกรไทย ซื้อ 5.65 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 5.58
น.ส.วิชชุดา ปลั่งมณี ผู้จัดการส่วนวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บล.เกียรตินาคิน คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/52 จะมีกำไร 343 ล้านบาท ลลดง 9% จากไตรมาส 1/52 (QoQ) และ ลดลง 31% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) เป็นผลจากรายได้ที่ลดลง
แต่แนวโน้มครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง และจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 4 โครงการ ในไตรมาส 3 นี้ และในไตรมาส 4 จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการและทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการบ้านแนวราบมียอดขายดีขึ้น ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งปี คาดว่าบริษัทจะมีกำไรลดลง 8% จากปีก่อน ประมาณการว่ามีกำไรจำนวน 1,499 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มองในแง่ตัวหุ้น AP ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เพราะบริษัทมี backlog ในมือ สูงถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้ 1-3 ปี (เริ่มปีนี้) และคาดว่าปีนี้จะจ่ายเงินปันผลได้ ประมาณ 0.24 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.9% จากราคาหุ้นปัจจุบัน
"ถ้าผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาอาจจะต่ำกว่าในกลุ่ม ราคาหุ้นอาจจะอ่อนตัวได้ ถ้าราคาอยู่ในระดับอ่อนตัวก็เป็นจังหวะเข้าไปซื้อได้ ตอนนี้ยังรอผลประกอบการที่จะออกมา ถ้าตัวเลขออกมาดูไม่ดี ก็อาจจะมีผลต่อราคา ก็ให้ไปรอรับตรงนั้นก็ได้" น.ส.วิชชุดากล่าว
ด้านนายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้น AP เหมาะที่จะเข้าไปลงทุนระยะยาว เพราะ backlog ในมือสูงมาก สร้างความมั่นใจด้านรายได้ของบริษัท อย่างน้อย 1 ปีครึ่ง และ โครงการของบริษัท ก็เป็น nich market เช่น โครงการบ้านกลางกรุง
ขณะที่ P/E ของ AP เมื่อเทียนบกับกลุ่มก็่ไม่ได้สูงมากนักที่อยู่ประมาณ 9 เท่าแต่ของ AP อยู่ที่ 7 เท่า dividend yield อยู่ในระดับ 4.7% ROE อยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดยที่ประมาณ 18.5% ดูแล้วก็ถือว่าใช้ได้
"ตลาดหุ้นขึ้นมาระดับหนึ่ง ถ้าตอนนี้ผมให้เก็งกำไร แต่ถ้าลงทุนในระยะยาวอาจจะรอให้ปรับตัวลงมาก่อนให้ค่อยซื้อก็ได้ โดยภาพรวมมองว่าตลาดน่าจะขึ้นไปถึง 638 จุดก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเล่นยาว ราคาหุ้นดีก็น่าจะซื้อ แต่เราคิดว่าโอกาสที่จะซื้อได้ถูกกว่านี้ยังพอมีอยู่บ้าง" นายกวี กล่าว
บทวิเคราะห์ของบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดว่า ยอดขาย (presales) ในไตรมาส 2/52 เติบโตก้าวกระโดดเป็น 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% yoy และ 132% qoq แรงผลักดันสำคัญมาจากยอดขายคอนโดมิเนียม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายทั้งหมดในไตรมาส 2/52 เป็นผลต่อเนื่องมาจากการเปิดขายคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่คือ The Address พญาไท และ Life @ ลาดพร้าว 18 ทางด้านยอดขายบ้านแนวราบก็เติบโตในเกณฑ์ดีคือ 14% yoy และ 42% qoq
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 2/52 ไม่สดใส แต่จะดีขึ้นอย่างมากในครึ่งหลังปีนี้ นั่นคือเราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/52 เป็น 306 ล้านบาท ลดลงถึง 38% yoy และลดลง 36% qoq ผลพวงมาจากการบันทึกรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมที่ลดลง อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นก็ควรจะลดลง ก็เพราะการรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมที่น้อยลงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรสุทธิในครึ่งหลังปี 52 จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าครึ่งแรกปี 52 เสียอีก เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นในหลายโครงการ
"หากราคาหุ้นปรับลง เพราะผิดหวังต่อกำไรสุทธิในไตรมาส 2/52 ก็เป็นจังหวะของการทยอยสะสมหุ้นที่ดี นอกจากนี้การที่บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) เป็นจำนวนมาก คือ 12.5 พันล้านบาท ก็ทำให้เราเกิดความมั่นใจถึงแหล่งที่มาของรายได้ในอนาคตของบริษัท จนกระทั่งถึงปี 2555 ทีเดียว"บทวิเคราะห์ระบุ