นายทองคำ มานะศิลปพันธ์ รองประธานกรรมการ บมจ. ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับ บริษัท แกรนด์ โฟโซลูชั่น เบอร์ฮาด (Grand-Flo Solution Bhd) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วน 50:50 เพื่อร่วมพัฒนาระบบซอฟท์แวร์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมสำหรับตลาดในทวีปเอเชีย โดยเน้นการพัฒนาซอฟท์แวร์ ที่เกี่ยวกับ ระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System), ระบบการจัดการทรัพย์สิน (Fixed Asset Management), ระบบบริหารจัดการและสนับสนุนงานขายอัตโนมัติ (Sales Force Automation — SFA) และระบบ การสำรวจตลาด (Marketing Survey) ใช้งบลงทุนประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มทำการตลาดระบบซอฟท์แวร์ดังกล่าวได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2552 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งทำตลาดสินค้าแบบ Solution อย่างเต็มตัวในครึ่งหลังปี 2552 โดยจะขายผ่านตลาดในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม ส่วน“Grand-Flo Solution Bhd" จะขายผ่านตลาดในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีน
นายทองคำ คาดว่ายอดขายในครึ่งปีหลังจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ยอดขายโดยเฉพาะไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งยอมรับว่าเป็นไตรมาสที่มียอดขายแย่มากถึงขนาดทำให้บริษัทมีผลขาดทุน และเป็นไตรมาสที่มีช่วงวันหยุดมาก แต่ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะปลายไตรมาส 2 ที่คำสั่งซื้อจากลูกค้าเริ่มทยอยกลับมาทั้งจากลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ ทำให้เชื่อว่ารายได้ในไตรมาส 2 นี้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคำสั่งซื้อจากลูกค้าจะเริ่มมีสัญญาณที่ดี แต่คงไม่สามารถทดแทนการปรับตัวของยอดขายที่ผ่านมา ทำให้มองว่าปีนี้ยอดขายคงจะสามารถทำได้เพียงแค่การประคองให้เท่ากับปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 243.15 ล้านบาท แต่ในส่วนกำไรคงจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท
"ผมก็หวังว่าในปีนี้จะไม่ขาดทุน ซึ่งตอบยากเหมือนกันว่าลูกค้าจะมีทิศทางหลังจากนี้อย่างไร เพราะเศรษฐกิจทำให้ลูกค้าชะลอการลงทุน และออเดอร์ไปค่อนข้างเยอะ แต่เราก็จะไม่หยุดในการพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อรองรับเมื่อสถานการณ์กลับมาดีและลูกค้าประเภทใหม่ๆ อย่างซอฟท์แวร์ด้านธุรกิจรถยนต์ ซึ่งธุรกิจนี้บริษัทได้ชะลอการทำตลาดมาตั้งแต่ตอนที่เศรษฐกิจไม่ดี"นายทองคำกล่าว
นายทองคำ กล่าวต่อว่า ส่วนการร่วมทุนกับ แกรนด์ โฟโซลูชั่นฯ จะทำให้บริษัทสามารถขยายศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น รวมถึงการขยายตลาดที่มากขึ้นในอนาคต จากปัจจุบันที่การร่วมมือครั้งนี้จะเจาะตลาดในแถบเอเซีย และตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดตะวันออกกลาง เนื่องจากความต้องการยังมีอยู่สูง ขณะที่ซอฟท์แวร์ของเรายังมีต้นทุนที่ถูกเมื่อเทียบกับซอฟท์แวร์จากยุโรปและอเมริกา
อย่างไรก็ตาม การร่วมทุนดังกล่าว คงจะไปเห็นผลต่อการสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการกลับมาในภาวะปกติ