นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวในระหว่างตรวจเยี่ยมสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในวันนี้ว่า คณะกรรมการสลากกินแบ่งฯ เชื่อมั่นว่าจะใช้อำนาจตามกฎหมายเดินหน้าโครงการจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวผ่านเครื่องอัตโนมัติ(หวยออนไลน์)ได้ หลังจากได้รับคำตอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่ได้สอบถามเพิ่มเติมไป และข้อสรุปการศึกษาผลกระทบด้านสังคม
รมช.คลัง ยังยืนยันนโยบายที่ต้องการให้มีการเดินหน้าโครงการหวยออนไลน์ โดยได้ย้ำเรื่องนี้ให้คณะกรรมการสำนักงานสลากฯ และฝ่ายบริหารไปแล้ว นอกจากนี้ยังมอบนโยบายให้หาแนวทางจัดการกับเงิน 1.7 หมื่นล้านบาทจากโครงการขายหวยบนดินเพื่อนำเงินรายได้ดังกล่าวมาใช้ โดยให้ยึดตามกรอบของกฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"เงินที่ค้างอยู่เป็นเงินที่มาก หากสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลต้องการนำเงินมาใช้ประโยชน์ แต่อยากให้คำนึงถึงกฎหมาย เชื่อมั่นว่าข้อกฎหมายหากพูดคุยกันแล้วจะมีทางออกที่ดีที่สุด"นายประดิษฐ์ กล่าว
ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า โครงการหวยออนไลน์ ยังอยู่ระหว่างศึกษาใน 2 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นข้อกฎหมายที่ได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณาและอยู่ระหว่างรอผลการตีความ อีกประเด็นเป็นเรื่องทางสังคม พิจารณาผลดีผลเสียจากการขายหวยออนไลน์ ซึ่งมีทีมศึกษาวิจัย โดย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะกรรมการสำนักงานสลากฯ เป็นหัวหน้าทีม
ส่วนเงินรายได้จากหวยบนดิน 1.7 หมื่นล้านบาทจะได้หารือกับฝ่ายกฎหมายอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกัน ต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกี่ยวกับการออกหวยบนดิน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพิจารณาเกี่ยวกับเงินรายได้ดังกล่าว ซึ่งหากว่าอยู่ภายใต้กรอบ พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่หากอยู่นอกกรอบของ พ.ร.บ.สำนักงานสลากฯ คงต้องหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าวว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานสลากฯ วันที่ 31 ก.ค.นี้พิจารณาจัดพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มอีก 14 ล้านฉบับ เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา โดยจะแยกเป็นการสลากในส่วนที่จัดสรรให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จำนวน 4 ล้านฉบับ และสลากกินแบ่งรัฐบาลทั่วไป 10 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การเพิ่มสลากแต่ละงวด เพิ่มจาก 46 ล้านฉบับ เป็น 60 ล้านฉบับ และมีผลต่อการเพิ่มการออกรางวัลที่ 1 จาก 23 ครั้ง เป็น 30 ครั้ง
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การพิมพ์สลากฯเพิ่มจะช่วยแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาได้อย่างแน่นอน โดยจากผลการศึกษา พบว่าการพิมพ์สลากเพิ่ม 4 ล้านฉบับ จะทำให้ราคาสลากลดลงอยู่ที่ ฉบับละ 85-90 บาท แต่หากพิมพ์เพิ่ม 14 ล้านฉบับ สลากจะมีราคาต่ำกว่าฉบับละ 80 บาท
"เราจะเสนอขอพิมพ์สลากเพิ่ม 14 ล้านฉบับ แต่จะได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ด และจะมีผลผันแปรต่อการเพิ่มรางวัลที่ 1 ด้วย ...พิมพ์สลากเพิ่มมากน้อย ก็มองว่ามอมเมาทั้งสิ้น แต่มุมมองของเรามองว่าประชาชนได้ประโยชน์ เพราะเมื่อsupply มีมากกว่าความต้องการในตลาด ราคาสลากก็ลดลง เห็นได้ว่าที่ผ่านมาสลากเป็นสินค้าที่มีราคาเคลื่อนไหวตลอด ไม่เคยนิ่ง" นายวันชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผอ.สำนักงานสลากฯ กล่าวว่า หากที่ประชุมสำนักงานสลากฯ อนุมัติให้พิมพ์สลากเพิ่มได้ตามที่เสนอ คาดว่าจะเบื้องต้นสามารถเพิ่มจำนวนสลาก 4 ล้านฉบับได้ ในงวด 1-16 ก.ย. 52 ส่วนอีก 10 ล้านฉบับ จะพิมพ์เพิ่มเพื่อออกขายในเดือน ต.ค.-พ.ย. 52