บมจ.เคซีอี อิเลคโทรนิคส์(KCE)หวังปีนี้พลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากขาดทุน 151 ล้านบาทในปีก่อน ประเมินยอดขายทั้งปีนี้น่าจะทำได้ 240-250 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าปีก่อน ตามออร์เดอร์เริ่มกลับเข้ามาในไตรมาส 2/52 และดีขึ้นในไตรมาส 3/52 ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับ ได้ลูกค้าใหม่จากเฟียตและกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
บริษัทเตรียมกลับมาเดินเครื่องโรงงาน KCE International(KCEI) ที่บางปูภายในไตรมาส 3/52 ซึ่งก่อนหน้าได้ปิดไปชั่วคราว ขณะเดียวกัน ก็จะพยายามลดต้นทุนการผลิต ดันให้มาร์จิ้นสูงขึ้นจากเดิมอีก 3-4%
นายปัจจะ เสนาดิสัย กรรมการ KCE ผู้ผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์(PCB)ป้อนลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ และแผงวงจรในกลุ่ม Consumer Electronic อาทิ LCD TV และ PS3 เป็นต้น เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ยอดขายในไตรมาส 2/52 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14-15% จากไตรมาส 1/52 ที่มีรายได้ 1.1 พันล้านบาท เนื่องจากมีออเดอร์มากขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะมีกำไรหรือไม่
และไตรมาส 3/52 ก็คาดว่ายอดขายน่าจะดีขึ้นไม่น่าจะต่ำกว่า 20% จากไตรมาส 2/52
"ออเดอร์ตอนนี้พอจะมองเห็นว่าชัดพอสมควรว่าจะขึ้นจากไตรมาส 2 ประมาณ 20% up"นายปัจจะ กล่าว
ดังนั้น บริษัทคาดว่ารายได้ทั้งปีน่าจะอยู่ประมาณ 240-250 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 220 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7,667 ล้านบาท โดยยอดขายเป็นเงินบาทขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน ขณะนี้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ก็อาจจะทำให้รายได้ในรูปเงินบาทลดลงบ้าง แต่บริษัทยังหวังว่าทั้งปีจะสามารถคืนทุนหรือมีกำไรได้
"เราก็หวังว่าจะ Breakeven หรืออาจจะมีกำไร เพราะไตรมาส 1 เราขาดทุนประมาณกว่า 100 ล้านบาท แต่ไตรมาส 2 ดีขึ้นเยอะ"นายปัจจะ กล่าว
ขณะเดียวกัน คาดว่ายอดขายครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทมียอดคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น และบริษัทมีลูกค้าใหม่จากค่ายรถยนต์เฟียตที่เข้าเทคโอเวอร์กิจการไครส์เลอร์ ซึ่งทำให้ยอดคำสั่งซื้อเพิ่มมากพอสมควร รวมทั้งยังมีลูกค้าใหม่จากกลุ่มผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
"ธุรกิจครึ่งปีหลังผมมองว่าดีขึ้นอยู่แล้ว ภาพรวมก็ดีขึ้นทั้งนั้น เพราะมีออร์เดอร์ดีขึ้น คู่ต่อสู้เจ๊งไปหลายราย โดยธนาคารโลกก็ประเมินว่า จีดีดีของสหรัฐไม่ติดลบแล้ว และคาดว่าจะขยายตัว 1% ส่วนจีน จีดีพีขยายตัว 7.5% ผมคิดว่าเศรษฐกิจโลกตอนนี้น่าจะ Bottom Out แล้ว มันมีแต่ดีขึ้นกับทรงๆ มันคงไม่ต่ำไปกว่านี้แล้ว" นายปัจจะกล่าว
นายปัจจะ กล่าว มาร์จิ้นตอนนี้น่าจะดีขึ้นเพราะบริษัทมีการปรับปรุงการผลิตภายในมาก การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียในการผลิต ปัจจุบันบริษัทรู้ต้นทุนที่แน่ชัด ทำให้สามารถเสนอราคาขายให้ลูกค้าได้ดี โดยคาดว่าระดับมาร์จิ้นในปีนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3-4% จากปีก่อน
*เตรียมเปิดเดินเครื่อง รง.บางปูอีกครั้งภายใน Q3/52 รองรับออร์เดอร์เพิ่ม
นายปัจจะ กล่าวว่า โรงงาน KCE International(KCEI)ที่หยุดการผลิตชั่วคราวเมื่อปลายปีที่แล้วจะกลับมาผลิตได้เร็วๆนี้ หรือภายในไตรมาส 3/52 เพื่อเพิ่มกำลังผลิตรองรับออร์เดอร์ที่เข้ามามากขึ้น "ตอนนี้เราเปิดอยู่ 2 โรง อยุธยาและลาดกระบัง คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตรวมกันประมาณ 80% และโรงงานที่บางปู กำลังจะเริ่มเปิดการผลิตเร็วๆนี้ ภายในไตรมาส 3 แต่จะทยอยเปิดบางส่วนก่อน"นายปัจจะ กล่าว
อนึ่ง กำลังการผลิตในส่วน KCEI หรือที่บางปู มีกำลังการผลิตที่ 4.5 แสนตร.ฟุต/เดือน จากกำลังการผลิตของทั้งกลุ่มที่ 2.05 ล้านตารางฟุต/เดือน โดยปัจจุบัน บริษัทมีผลผลิตจาก 2 โรงงาน จากทั้งหมดที่มี 3 แห่ง คือที่ KCE TECH ที่อยุธยา ถือว่าเป็นโรงงานผลิตหลัก และโรงงานที่ลาดกระบัง
ทั้งนี้ ลูกค้าของบริษัท สัดส่วน 65% เป็นยอดคำสั่งซื้อจากอุตสาหกรรมรถยนต์ใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนที่เหลือมาจาก Electrical Supply และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมที่สั่งเพิ่ม และได้ลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
"ออร์เดอร์หายไปเราก็ได้ลูกค้าใหม่มา อย่างลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามา ทำให้เราต้องเปิดสายการผลิต... ตอนนี้เราไม่ได้มีการปรับลดพนักงาน แต่อาจจะต้องหาเพิ่มเมื่อเปิดทำการผลิตใหม่ในโรงงาน บางปู"นายปัจจะ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทไม่มีความจำเป็นใช้งบลงทุน เพราะยังไม่มีแผนลงทุนโครงการใหม่ และคาดว่าจะไม่มีไปจนถึงปีหน้า เพราะบริษัทยังใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่ และบริษัทยังจำเป็นต้องรักษากระแสเงินสดไว้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน