บมจ. กระเบื้องหลังคาตราเพชร(DRT)ปรับเพิ่มเป้ายอดขายในปี 52 เป็น 2.5 พันล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 2.4 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกทำยอดขายน่าพอใจ เผยแผนงานครึ่งปีหลังสั่งซื้อเครื่องจักรกว่า 465 ล้านบาทผลิตสินค้าใหม่ออกวางตลาดต้นปี 53 ในสินค้ากลุ่มแผ่นผนัง ไม้ฝา ไม้พื้น ที่เป็นงานโครงการอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม พร้อมตั้งโชว์รูมใจกลางกทม.เจาะไลฟ์สไตล์ลูกค้าในเมือง และเตรียมตั้งศูนย์กระจายสินค้าในภาคใต้เพิ่มอีก 1 แห่ง
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า จากการประเมินยอดขายในครึ่งปีแรกถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จากเดิมที่เคยประเมินว่าอาจจะชะลอจากปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่ความต้องการของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อย นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ในมือในครึ่งปีหลัง จึงทำให้บริษัทปรับเป้ายอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันในส่วนของกำไรขั้นต้น ในปีนี้มีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30% เนื่องจากบริษัทใช้กำลังการผลิตในบางสินค้า 100% รวมถึงการรุกตลาดเชิงรุก โดยการเข้ารับออเดอร์จากลูกค้าโดยตรงและราคาวัตถุดิบก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับกลยุทธ์และแผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะออกสินค้าใหม่ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 465 ล้านบาททำสัญญาซื้อเครื่องจักรสายการผลิต NT9 กับบริษัท MFL Faserzementanlagen Ges.m.b.H แห่งประเทศออสเตรีย โดยสายการผลิต NT9 จะผลิตแผ่นผนัง ไม้ฝา ไม้พื้น และไม้สังเคราะห์ต่างๆ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ช่วงต้นปี 2553 กำลังผลิต 50,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นงานโครงการอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม จะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากกลุ่มสินค้ากระเบื้องหลังคา
บริษัทฯ ยังได้เปิดโชว์รูมสินค้า ภายใต้ชื่อ “To be a Better Choice" บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร ย่านซอยอารีสัมพันธ์ใจกลางกทม. เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในเมือง โดยโชว์รูมดังกล่าวจะเน้นนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการ เน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์และมีความทันสมัย
“บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ในการก่อสร้างทั้งในส่วนของการสร้างสำนักงานและโชว์รูม ทั้งนี้การเปิดโชว์รูม ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากเรากำลังจะรุกเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าในเมือง ซึ่งบริษัทฯ มองว่าเป็นตลาดที่ยังมีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็มีศักยภาพไม่แพ้คู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดนี้ ทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ความเชี่ยวชาญของทีมงาน ตลอดจนการบริการลูกค้า ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการเดินหน้ารุกตลาดทุกกลุ่ม ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในอนาคตให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทจะทำการเพิ่มสายการผลิตที่ 9 ที่รองรับในการผลิตแผ่นผนัง ไม้ฝา และ ไม้พื้นจะทำให้ผลักดันยอดขายปรับเพิ่มขึ้น 10-15% ในปี 53 โดยสายการผลิตดังกล่าวจะเริ่มผลิตขายเองช่วงกลางเดือน ก.พ.53 และจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้บางส่วนทันทีในไตรมาส 1/53 ซึ่งสายการผลิตดังกล่าวจะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการผนังขนาดหนามากขึ้น โดยเฉพาะอาคารสูง คอนโดมิเนียมและโครงการต่างๆ
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าอีก 1 แห่ง ที่จ. สุราษฎร์ธานี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1 แห่ง ที่จ.ขอนแก่น แต่ทั้งนี้คงจะต้องศึกษาถึงผลดี ผลเสียว่าจะคุ้มทุนหรือไม่
"เท่าที่ประเมินดูตอนนี้ ตัวไลขครึ่งแรกถือว่าผ่านการทดสอบเกินกว่าที่เราตั้งใจไว้ และลูกค้าก็ยังมีความต้องการอยู่มาก เท่าที่เราเห็นได้จากดีลเลอร์ ดังนั้นในครึ่งปีหลังเราก็น่าจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แม้ปกติจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของเรา" นายสาธิต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าและการบริการ และสร้างความแตกต่างให้เหนือจากคู่แข่ง โดยมีทีมตัวแทนของบริษัทฯ จากหน่วยงานต่างๆ เข้าไปให้ความรู้ อบรม สาธิตการทำงานให้ได้ตามมาตรฐานที่ DRT ได้วางไว้ อาทิเช่น การจัดฝึกอบรมการติดตั้ง ให้แก่ช่างท้องถิ่น การเข้าไปช่วยจัดหน้าร้านและกองเก็บสินค้า การอบรมพนักงานขาย ทั้งร้านค้าตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึงร้านค้าช่วง ที่บริษัทฯ ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อเป็นโอกาสในการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ที่ได้ตั้งเป้าจะเพิ่มอีกอย่างน้อย 100 รายภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มี 600 ราย