(เพิ่มเติม) ฟิทช์คงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวธนาคารเกียรตินาคินที่ BBB+(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 28, 2009 18:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อภายในประเทศระยะยาวของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK) ที่ BBB+(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะสั้นไว้ที่ F2(tha)

อันดับเครดิตดังกล่าวของธนาคารสะท้อนถึงสถานะเงินกองทุนและผลกำไรที่แข็งแกร่ง แม้ว่าธนาคารจะมีพอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเนื่องจากธนาคารมีสินเชื่อประเภทสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และสินเชื่อที่ให้แก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง นอกจากนี้สภาพคล่องของ KK ยังอ่อนแอกว่าธนาคารขนาดใหญ่

ผลประกอบการของ KK ในปี 2551 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิลดลง 12% แม้ว่าจะมีรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น (เติบโตที่ 22% จากปีก่อน) เนื่องจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ ลดลงเหลือ 5.2%ในปี 2551 จาก 5.5% ในปี 2550 และมีการตั้งสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ยังคงลดลงโดยกำไรสุทธิลดลง 38% จากปีก่อน เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อจากไตรมาสก่อนและผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ลดลง ในขณะที่ต้นทุนของเงินทุนลดลงในระดับที่ต่ำกว่าการลดลงของผลตอบแทนของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีส่วนต่างกำไรที่สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจธนาคาร ซึ่งแสดงถึงการที่ KK เน้นการให้สินเชื่อประเภทสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและสินเชื่ออื่นมีความเสี่ยงสูง

สัดส่วนของสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเหลือ 8.5% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 จาก 8.7% ณ สิ้นปี 2551 และ 12.4% ณ สิ้นปี 2550 เนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้และตัดจำหน่ายสินเชื่อ และการเติบโตของสินเชื่อที่สูงในปี 2551 อย่างไรก็ตาม KK อาจต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มในปี 2552 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง เนื่องจากธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในสัดส่วนที่สูงให้กับผู้ประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็ก (12% ของพอร์ต) และสินเชื่อรถยนต์มือสอง (35%)

KK ได้เพิ่มการตั้งสำรองขึ้นมาในระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม อัตราส่วนการสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 50% ณ สิ้นปี 2551 จาก 37% ณ สิ้นปี 2550 อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงและความเป็นไปได้ที่ราคาของหลักประกันจะลดลง อาจทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องการตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น

KK ได้เพิ่มฐานเงินฝากอย่างมากในปี 2551 (เพิ่มขึ้น 133% จากปีก่อนหน้า) โดยส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำจากลูกค้ารายใหญ่ประเภทบุคคลที่มีสถานะทางการเงินดี เงินฝากประจำส่วนใหญ่ของธนาคารมีกำหนดอายุภายใน 1 ปี ในขณะที่สินเชื่อเป็นประเภทระยะยาว การพึ่งพาเงินฝากจากลูกค้ารายใหญ่และเงินทุนระยะสั้น รวมถึงการมีอัตราส่วนสภาพคล่องที่อ่อนแอ เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของธนาคารในสภาวะที่ตลาดผันผวนเนื่องจากเงินทุนระยะสั้นอาจไม่มีการต่ออายุ หากเกิดปัญหาสภาพคล่องในระบบ อย่างไรก็ตามการประกันเงินฝาก (จนถึงปี 2555) อาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้เป็นการชั่วคราว

อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของ KK ลดลงในหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 14.85% ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2552 จากกว่า 20% ในอดีต เนื่องจากการเติบโตของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามเงินกองทุนยังจัดอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ