โบรกฯแนะ"ซื้อ/ถือ"หุ้น MAJOR คาดผลประกอบการ Q2/52 ฟื้น-ต่อเนื่อง H2/52

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 29, 2009 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกฯ แนะ"ซื้อ/ถือ"หุ้นบมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR)เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดีและเป็นผู้นำในธุรกิจโรงภาพยนตร์ ระยะยาวน่าจะยังเติบโต ประเมินผลประกอบการน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1/52 โดยรายได้ค่าโฆษณาและการขายตั๋วจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/52 สะท้อนให้ผลกำไรฟื้นตัวด้วย และเชื่อว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง เนื่องจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่มีส่วนช่วยกระตุ้นรายได้ค่าโฆษณา แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ MAJOR ในปี 52 ที่ 278-338 ล้านบาท ลดลงจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 626 ล้านบาท เนื่องจากต้องแบกภาระบริษัทลูก อย่าง SF และ CAWOW จึงมองว่ากำไรน่าจะลดลง

          โบรกฯ                            คำแนะนำ       ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.พัฒนสิน                          ซื้อ                 7.70
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)            ซื้อเมื่ออ่อนตัว            7.70
          บล.เกียรตินาคิน                      ถือ                 6.25(จะทบทวนคำแนะนำใหม่เร็ว ๆ นี้)
          บล.เอเชีย พลัส                      ถือ                 6.90(จะทบทวนคำแนะนำใหม่เร็ว ๆ นี้)
          บล.ทิสโก้                           ถือ                 6.50
          บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)               ถือ                 6.20

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ตลาดทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ราคาหุ้น MAJOR ในปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่ 7.70 บาท/หุ้น และยังมีความคาดหวังว่ารายได้จากการโฆษณาในโรงหนังช่วงไตรมาส 2/52 จะฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และรายได้จากตั๋วก็น่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้จากการเข้าฉายของภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นรายได้จากโฆษณา เนื่องจากดึงดูดคนดูได้มาก

สำหรับแนวโน้มในระยะยายาว คาดว่าเมื่อภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งปัญหาการเมืองคลี่คลาย ความมั่นใจของผู้บริโภคกลับคืนมา รายได้จากโฆษณาคาดว่าจะฟื้นได้ในปี 2553

อย่างไรก็ดี ได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิของปี 52-53 ลงเล็กน้อย โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ MAJOR จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 278 ล้านบาท ลดลง 56% จากปี 51 เนื่องจากบริษัทลูกอย่าง SF และ CAWOW มองว่ากำไรน่าจะลดลง ส่วนปี 53 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 334 ล้านบาท

น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ประเมินว่า ผลประกอบการ MAJOR ในงวดไตรมาส 1/52 น่าจะแย่ที่สุดและได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ดังนั้น ไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้น่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่เชื่อว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่แล้ว เพราะแม้จะมีหนังดีเข้าฉาย แต่คงจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วย

นอกจากนี้ จะยังเห็นว่าการโฆษณาในโรงหนังน่าจะลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นผลประกอบการของ MAJOR ในปีนี้(2552)จึงไม่ค่อยจะดีนัก พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเท่ากับ 338 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551

น.ส.ณัฐนีย์ ตันประเสริฐ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า กำไรของ MAJOR ยังคงจะไม่ฟื้นตัวในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากภาพรวมที่ออกมายังไม่ดีเท่าไรนัก แม้จะมีหนังดีเข้าฉาย แต่เชื่อว่าคงยังไม่น่าจะทำให้ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/52 ดีขึ้นได้ เพราะยังต้องรับภาระการขาดทุนจากบริษัทลูกอีก

แต่เนื่องจาก MAJOR เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดี และเป็นผู้นำด้านโรงหนัง ดังนั้น ในระยะยาวจึงมองว่ายังน่าจะมีการเติบโตได้ เพียงแต่อาจจะไม่ใช่ในปีนี้ เนื่องจากตัวเลขการโฆษณาลดลง มาร์จินก็ลดลง ต้นทุนสูงขึ้น บริษัทลูกยังขาดทุน แต่หากนักลงทุนจะเข้าซื้อลงทุนระยะยาวก็พอที่จะทำได้ หากเห็นราคาหุ้นลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำ

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ MAJOR ในปีนี้ไว้ที่ 333 ล้านบาท ลดลง 47% จากปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 626 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ