นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก สำนักงาน ก.ล.ต.ได้มีการเปรียบเทียบปรับผู้กกระทำผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ในกรณีการสร้างราคาและใช้ข้อมูลภายในไปแล้วราว 110.43 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจำนวนผู้ทำผิดและกรณีที่กระทำผิดจะลดลง เนื่องจากวงเงินที่มีความเกี่ยวข้องในแต่ละกรณีสูงขึ้นจากเดิมมาก
"คดีส่วนใหญ่เกิดจากการปั่นหุ้นอาจจะเป็นคดีที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็ได้และเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นก็มาจากเม็ดเงินค่าปรับเพราะตามกฎเกณฑ์ หากพบว่ามีการปั่นหุ้นจะมีการเปรียบเทียบปรับ 2 เท่าของผลประโยชน์ที่ได้ ทำให้มีจำนวนเงินมาก"นายประสงค์ กล่าว
นอกจากนั้น ยังได้มีการเปรียบเทียบปรับตามลักษณะความผิดการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ 9 ข้อหา จำนวน 5 ราย มูลค่า 1.06 ล้านบาท, การประกอบธุรกิจจัดการลงทุนจำนวน 7 ข้อหา 6 ราย จำนวน 3.07 ล้านบาท การออกและเสนอขายหลักทรัพย์จำนวน 16 ข้อหา 9 ราย มูลค่า 2.70 ล้านบาท และ การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการจำนวน 6.7 แสนบาท
ในช่วงครึ่งปีแรก สำนักงาน ก.ล.ต.ยังมีการกล่าวโทษ 3 คดี คือ คดี บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) กรณีผู้บริหารทุจริต กรณี บมจ.เค-เทค คอนสตรัคชั่น(KTECH)ที่ไม่จัดส่งงบการเงิน และคดีการกล่าวโทษผู้สอบบัญชีของ บมจ.เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC)
นายประสงค์ กล่าวว่า กรณี SECC ถือเป็นคดีแรกที่ทาง ก.ล.ต.กล่าวโทษทางอาญากับผู้สอบบัญชี เนื่องจากพบว่ามีการลงบัญชีไม่ถูกต้องและใช้ช่องทางในการทำให้เกิดการทุจริต ถือว่าเป็นการบกพร่องอย่างร้ายแรง ในส่วนของกรณี SECC คงจะต้องส่งฟ้องให้ได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้เพราะขอผ่อนผันมา 2 ครั้งแล้ว ซึ่ง ก.ล.ต.ก็ได้มีส่งข้อมูลไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) อย่างต่อเนื่อง
ส่วน 96 คดีที่ล่าสุด DSI รับตั้งเป็นคดีพิเศษ เพราะเป็นคดีที่ทำผิดนอกเหนือจากกฎหมายหลักทรัพย์ บางเรื่องได้ส่งเรื่องไปตั้งแต่ปี 2550 และส่วนใหญ่เป็นคดีปั่นหุ้น ซึ่งตั้งแต่ปี 50 ก.ล.ต.ได้ทยอยส่งเรื่องไป DSI หลายเรื่องแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่พบการกระทำผิดเกิดขึ้น แต่ไม่สามารถสอบสวนข้อมูลได้ครบถ้วน
"เวลาจะกล่าวโทษ เอกสารจะต้องครบว่ากระทำความผิดและมีข้อมูลบางอย่างเชื่อว่าผิดแต่ ก.ล.ต.ก็ไม่สามารถสืบสวนหรือเก็บข้อมูลได้ครบเพราะเราเป็นแค่พลเรือนไม่ใช่ตำรวจทำให้บางกรณีก.ล.ต.ไม่สามารถทำจบได้ หาหลักฐานได้ไม่หมด ต้องให้ DSI ทำต่อก็เหมือนจิ๊กซอที่ยังมีช่องโหว่อยู่ก็ต้องให้ DSI ต่อให้ครบ" นายประสงค์ กล่าว